กระบี่- ผู้ว่าฯกระบี่ ยันไม่สามารถสั่งระงับระเบิดย่อยหินเขาหน้าวังหมี แหล่งวัตถุโบราณ 2,000-4,000 ปี ได้ เหตุกรมศิลป์ไม่ยอมประกาศเป็นแหล่งโบราณคดี อุตสาหกรรมรับลูก กรมศิลป์ประกาศ สั่งปิดทันที
นายศิวะ สิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนว่า ได้มีบริษัทสัมปทานเข้าไปทำการระเบิดย่อยหินเขาหน้าวังหมี ม.2 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุ อายุ 2,000-4,000 ปี จนได้รับความเสียหาย โดยที่จังหวัดไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ว่า ในเบื้องต้นก่อนที่จะมีการอนุญาตสัมปทานระเบิดย่อยหินเขาหน้าวังหมีนั้น ก็ได้มีคณะกรรมการจากหลายภาคส่วนร่วมกันพิจารณา ซึ่งทุกหน่วยงานก็ไม่มีความเห็นแย้ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ตามกฎหมายแล้วก็ไม่สามารถที่จะสั่งระงับหรือเพิกถอนการสัมปทานเขาหน้าวังหมีได้ เพราะไม่เข้าองค์ประกอบ เช่นต้องมีการประกาศเป็นเขตควบคุม หรือเป็นแหล่งโบราณคดี ในส่วนของเรื่องเหตุผลทางโบราณคดีนั้น จากการที่สำนักศิลปากรที่ 15 รายงานมานั้น เป็นเพียงการรายงานว่ามีการค้นพบวัตถุโบราณอายุหลายพันปี ซึ่งอาจจะต้องมีการศึกษากันต่อไป แต่ยังไม่ได้ประกาศว่าเป็นแหล่งโบราณคดี
“เมื่อครั้งที่ นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเดินทางมาตรวจเยี่ยม ที่พิพิธภัณฑ์ลูกปัดคลองท่อม จ.กระบี่ นั้น ก็จำได้ว่า มีผู้เสียหายมาร้องเรียนด้วย ซึ่งตนก็ทำรายงานถึงท่านรัฐมนตรีฯ สอบถามว่าสามารถสั่งระงับได้หรือไม่อย่างไร แต่เรื่องก็เงียบไป อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งกำชับให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานในพื้นที่คอยติดตามเฝ้าระวัง ว่า ทางผู้ประกอบการมีการกระทำผิดกฎหมาย หรือละเมิดนอกเหนือกฎหมายการสัมปทานหรือไม่ ซึ่งยังไม่พบว่ามีการละเมิดกฎหมายสัมปทานแต่อย่างใด ซึ่งหากมีการสั่งระงับ ทางบริษัทสัมปทานก็สามารถที่จะฟ้องร้องจังหวัดต่อศาลปกครองได้เช่นกัน
ขอเรียนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ ว่า ผมไม่มีผลประโยชน์ใดๆเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผมมีหน้าที่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการที่มาอย่างถูกต้องด้วย เพราะฉะนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือข้าราชการไม่สามารถที่จะอยู่ข้างหนึ่งข้างใดได้” นายศิวะ กล่าว
ด้าน นายสมพล รัตนาภิบาล อุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า สำหรับบริเวณที่มีการอนุญาตสัมปทานระเบิดหินเป็นภูเขาลูกโดด และไม่ใช่เป็นแหล่งโบราณคดี อย่างแน่นอน เนื่องจากสิ่งที่ขุดค้นพบในบริเวณภูเขาที่มีการสัมปทานนั้นทางกรมศิลป์ โดยสำนักศิลปากรที่ 15 (ภูเก็ต) รายงานว่า การขุดค้นทางโบราณคดีแสดงว่า ได้พบวัตถุหลักฐานต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าและตรวจสอบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์โบราณคดีต่อไป พร้อมกับให้การดำเนินการในบริเวณพื้นที่ที่ได้รับประทานบัตร ควรจะมีการอนุรักษ์ ป้องกันมิให้วัตถุหลักฐานที่ขุดค้นในจุดสำรวจต่างๆ ที่พบในพื้นที่ได้รับความเสียหาย
อุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่ทางอุตสาหกรรมจังหวัดต้องอนุญาตให้ผู้ขอรับสัมปทานทำการระเบิดหินต่อไปโดยที่ไม่สามารถสั่งระงับได้ เนื่องจากทางกรมศิลปฯไม่ยอมประกาศให้บริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งโบราณคดี ซึ่งหากว่า กรมศิลป์ประกาศ ทางอุตสาหกรรมจังหวัดก็สามารถสั่งระงับการระเบิดหินได้ทันที เพราะฉะนั้นทางอุตสาหกรรมก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ขอสัมปทานที่มาถูกต้องตามกฎหมายให้ดำเนินการระเบิดย่อยหินต่อไป เพราะไม่อย่างนั้นทางอุตสาหกรรมเองก็มีความผิดเช่นเดียวกัน