ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กระทรวงการต่างประเทศหารือผู้ว่าฯ ภูเก็ต และหน่วยงานในพื้นที่ เตรียมความพร้อมรับการจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของคู่เจรจาของอาเซียน และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 16 ที่ภูเก็ต 16-23 ก.ค.นี้ ก่อนประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา 23-25 ต.ค.ที่ภูเก็ตเช่นกัน เตรียมพร้อมทุกด้านกับรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 27 ประเทศพร้อมสื่อกว่า 2,000 คน
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายนนทศิริ บูรณศิริ รองอธิบดีกรมพิธีการทูต พร้อมด้วย นายอรรถยุทธ์ ศรีสมุทร อธิบดีกรมอาเซียน และนายพีรวิช สุวรรณประเทศ กงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง ปฏิบัติราชการกรมสารสนเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ประชุมหารือร่วมกับนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงการเตรียมการจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของคู่เจรจาของอาเซียน และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 16 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
นายอรรถยุทธ์ ศรีสมุทร รองอธิบดีกรมอาเซียน กล่าวว่า รัฐบาลไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 (AMM) การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของคู่เจรจาของอาเซียน (PMC) และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 16 (ARF) ระหว่างวันที่ 16-23 ก.ค.2552 นี้ ที่จังหวัดภูเก็ต
การประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศที่ภูเก็ตที่จะมีขึ้นในเดือน ก.ค.นี้คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะการประชุมดังกล่าวจะต้องเกิดขึ้นในช่วงนี้ทุกๆปี และปีนี้ประเทศไทยก็เป็นประธานอาเซียนการประชุมก็จะต้องเกิดขึ้นที่ประเทศไทย และชัดเจนแล้วว่าการประชุมผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาจะมีขึ้นในวันที่ 23-25 ต.ค.2552 นี้ ที่จังหวัดภูเก็ต
การประชุมดังกล่าวจะมีรัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางมาร่วมประชุมทั้งหมด 27 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศในกลุ่มอาเซียน ประเทศคู่เจรจา สหรัฐเอเมริกา สหภาพยุโรป รัสเชีย อินเดีย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา เป็นต้น เดินทางมาร่วมประชุมประมาณ 1,200 คน และสื่อมวลชนจากทั่วโลกอีกประมาณ 800 คน ซึ่งจุดนี้จะสร้างความคึกคักให้แก่จังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้เข้าร่วมประชุม และผู้ติดตามจะมีเวลาในการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตที่มีการประชุมตลอดทั้งสัปดาห์
สำหรับโรงแรมที่จะจัดการประชุม คณะทำงานด้านสถานที่จัดการประชุมและที่พักของกระทรวงการต่างประเทศได้ลงมาสำรวจพื้นที่แล้วประมาณ 2-3 ครั้ง ทั้งโรงแรมในเครือลากูน่า ที่อ.ถลาง โรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อาคาเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมเมอเวนฟิก ปรากฎว่าในช่วงดังกล่าวโรงแรมฮิลตัน อาคาเดียฯ มีกรุ๊ปที่เข้าพักแล้ว ไม่สามารถที่จะรองรับการจัดประชุมได้ ทางกระทรวงจึงได้เลือกโรงแรมในเครือลากูน่า ที่มีทั้งหมด 6 โรงแรม ห้องพักประมาณ 800 ห้อง แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะต้องหาโรงแรมในระดับเดียวกันในบริเวณใกล้เคียงให้ทั้งรัฐมนตรีและผู้ติดตามพักอีกประมาณ 500-600 ห้อง
นอกจากนี้ยังได้เลือกภูเก็ตแฟนตาซี เป็นสถานที่ในการจัดเลี้ยงคณะรัฐมนตรีต่างประเทศ ภริยา และผู้ติดตาม เนื่องจากเป็นสถานที่ที่กว้างขวางสามารถจุคนได้เป็นพันคน และมีส่วนของการแสดงที่เป็นศิลปวัฒนธรรมอีกด้วย
ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้นเป็นหน้าที่ของทางกองทัพ โดยมีคณะทำงานที่มีทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานดำเนินการรับผิดชอบโดยตรง และในการจัดการจราจรนั้นจะมีรถรับ-ส่งทั้งรัฐมนตรีและผู้ติดตามประมาณ 340-350 คัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศได้ฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จัดหาสถานที่จอดรถและโรงแรมที่พัก สำหรับพนักงานขับรถประมาณ 350 คน และให้มีการตกแต่งภูมิทัศน์ภายในห้องผู้โดยสารให้สวยงาม พร้อมทั้งจัดการแสดงที่เป็นพื้นเมืองภูเก็ตต้อนรับคณะรัฐมนตรีต่างประเทศที่เดินทางมาร่วมประชุม เพื่อแสดงให้เห็นว่าทางจังหวัดภูเก็ตยินดีต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมทุกๆคน พร้อมทั้งให้มีการจัดภูมิทัศน์ให้สวยงามตั้งแต่สนามบินไปจนถึงโรงแรมที่ประชุม ด้วยการประดับธงชาติของประเทศที่เข้าร่วมประชุมและจัดภูมิทัศน์ด้านอื่นๆ ให้สวยงามด้วย
ขณะที่ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในช่วงการจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศที่ภูเก็ต จะต้องไม่ให้มีการชุมนุมเกิดขึ้นเหมือนกับที่กรุงเทพฯ และพัทยาโดยเด็ดขาด เพราะเท่ากับเป็นการซ้อม ความพร้อมการประชุมผู้นำฯ ในเดือน ต.ค.นี้ และการประชุมดังกล่าวก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยคืนมา เหมือนกับสโลแกนที่ทางจังหวัดภูเก็ตคิดไว้ตั้งแต่การประชุมผู้นำฯที่จะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้แต่ต้องเลื่อนออกมา ว่า “เชื่อมั่นภูเก็ต เชื่อมั่นประเทศไทย”
ทั้งนี้ หากการประชุมรัฐมนตรีฯเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย จะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นกลับมาสู่ภูเก็ตและประเทศไทยอย่างรวดเร็ว และประโยชน์ก็จะเกิดขึ้นกับภูเก็ต ภาพที่ออกไปจากสื่อที่เดินทางมาทำข่าวก็จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจต่อภูเก็ตยิ่งขึ้น