ปัตตานี – ผู้ว่าฯ ปัตตานีเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องระดมสมองหามาตรการ รปภ.ครูในพื้นที่ให้เข้มข้นขึ้น วาดหวังปิดช่องโหว่ให้ฝ่ายก่อการได้มีโอกาสลงมือปฏิบัติการได้ ด้านสมาพันธ์ครูชายแดนใต้เสนอให้มีการใช้ระบบการสื่อสาร 2 ทาง และเทคโนโลยีเข้าช่วยสนับสนุน ยันเจ้าหน้าที่ต้องทำงานจริงจัง อย่าให้เกิดเหตุร้ายต่อแม่พิมพ์ของชาติแบบซ้ำซาก
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลปัตตานี นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายสามารถ วราดิศัย ปลัดจังหวัดปัตตานี นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยหน่วยทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและคณะกรรมการสมาพันธ์ครู ได้ร่วมประชุมถึงมาตรการณ์การรักษาความปลอดภัยครูและบุคลากรทางการศึกษา
ตัวแทนครูได้มีหนังสือเปิดผนึกเป็นข้อเสนอมาตรการ รปภ.ครู เพื่อให้ครูมีความมั่นใจ และเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ โดยที่ประชุมมีการนำเสนอแนวทางต่างๆ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่ชี้ไปในทำนองว่า ที่ผ่านมาการ รปภ.ครูยังไม่ดีพอ ต้องมีการปรับแผนการปฏิบัติการ และขอความร่วมมือครูให้ตรงเวลา รวมถึงสร้างเกราะป้องกันให้กับครู โดยสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนด้วย
ในโอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้ตั้งชุดเฉพาะกิจที่มีทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตัวแทนครูและตัวแทนเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียน เพื่อร่วมประชุมหามาตรการในการรักษาความปลอดภัยครูทุกเดือน ในขณะเดียวกันได้จัดงบประมาณ จำนวน 120,000 บาท เพื่อมอบให้กับเขตพื้นที่การศึกษาให้นำไปทำกิจกรรมสร้างสัมพันธ์กับมวลชนเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันครูและโรงเรียน
นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ประชุมในครั้งนี้เป็นการหาแนวทางทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายเพื่อปรับแผนยุทธศาสตร์ รปภ.ครูให้ปลอดภัยที่สุด แต่ที่สำคัญให้มีการกำหนดแผนดูแลครู ทั้งแผนปกติและแผนนอกเวลา มีการลาดตระเวนโดยคัดสรรเจ้าหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพก่อนและหลัง 1 ชั่วโมง และใช้แผนทูเวย์ กล่าวคือ เป็นการประสาน 2 ทาง และมีการประสานงานชัดเจน ชื่อกองกำลัง ที่ตั้ง เบอร์โทรศัพท์ และใช้เครื่องมือเทคโนโลยีมาช่วย เพื่อปลอดภัยและให้เกิดการช่วยเหลือแบบทันการณ์
ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมามีมาตรการเข้มอย่างนี้มาโดยตลอดแล้วไม่ใช่หรือ แต่ทำไมยังเกิดเหตุอยู่ นายบุญสมกล่าวว่า ครั้งนี้ต้องมีการปรับให้เข้มข้นขึ้นอีก และต้องทำงานนอกกรอบบ้าง เวลาครูร้องขอเจ้าหน้าที่ต้องอยู่ และที่สำคัญการประสานงานต้องชัดเจน กองกำลังต้องไม่เปลี่ยนบ่อยๆ เพราะการประสานจะยากขึ้น หากให้คนเก่าไป แล้วเอาคนใหม่มาบ่อยๆ ก็จะขาดความต่อเนื่อง และเจ้าหน้าที่ที่ทำงานต้องจริงใจ มีประสิทธิภาพ ละเอียดรอบคอบ ไม่ใช่ทำแล้วเลิก ตนเชื่อว่าแผนอย่างนี้จะบรรลุผล
“ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุพยายามหาจุดบอดของเรา และการทำงานของเราที่ผ่านมาไม่ละเอียดอ่อน ไม่รอบคอบ คิดว่าเรื่องจะไม่เกิด และครูต้องเดินตามแผนในกรอบกติกาที่ตกลงกัน ขอฝากย้ำว่ากองกำลังต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยให้มีเหตุเกิดซ้ำๆ ซากๆ ประกอบกับรัฐบาลก็ทุ่มงบประมาณมาก แต่ผลผลิตไม่สมราคาที่ลงทุนไปอย่างนี้ไม่ได้” ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กล่าว
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลปัตตานี นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายสามารถ วราดิศัย ปลัดจังหวัดปัตตานี นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยหน่วยทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและคณะกรรมการสมาพันธ์ครู ได้ร่วมประชุมถึงมาตรการณ์การรักษาความปลอดภัยครูและบุคลากรทางการศึกษา
ตัวแทนครูได้มีหนังสือเปิดผนึกเป็นข้อเสนอมาตรการ รปภ.ครู เพื่อให้ครูมีความมั่นใจ และเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ โดยที่ประชุมมีการนำเสนอแนวทางต่างๆ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่ชี้ไปในทำนองว่า ที่ผ่านมาการ รปภ.ครูยังไม่ดีพอ ต้องมีการปรับแผนการปฏิบัติการ และขอความร่วมมือครูให้ตรงเวลา รวมถึงสร้างเกราะป้องกันให้กับครู โดยสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนด้วย
ในโอกาสเดียวกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้ตั้งชุดเฉพาะกิจที่มีทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตัวแทนครูและตัวแทนเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งผู้บริหารโรงเรียน เพื่อร่วมประชุมหามาตรการในการรักษาความปลอดภัยครูทุกเดือน ในขณะเดียวกันได้จัดงบประมาณ จำนวน 120,000 บาท เพื่อมอบให้กับเขตพื้นที่การศึกษาให้นำไปทำกิจกรรมสร้างสัมพันธ์กับมวลชนเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันครูและโรงเรียน
นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ประชุมในครั้งนี้เป็นการหาแนวทางทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายเพื่อปรับแผนยุทธศาสตร์ รปภ.ครูให้ปลอดภัยที่สุด แต่ที่สำคัญให้มีการกำหนดแผนดูแลครู ทั้งแผนปกติและแผนนอกเวลา มีการลาดตระเวนโดยคัดสรรเจ้าหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพก่อนและหลัง 1 ชั่วโมง และใช้แผนทูเวย์ กล่าวคือ เป็นการประสาน 2 ทาง และมีการประสานงานชัดเจน ชื่อกองกำลัง ที่ตั้ง เบอร์โทรศัพท์ และใช้เครื่องมือเทคโนโลยีมาช่วย เพื่อปลอดภัยและให้เกิดการช่วยเหลือแบบทันการณ์
ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมามีมาตรการเข้มอย่างนี้มาโดยตลอดแล้วไม่ใช่หรือ แต่ทำไมยังเกิดเหตุอยู่ นายบุญสมกล่าวว่า ครั้งนี้ต้องมีการปรับให้เข้มข้นขึ้นอีก และต้องทำงานนอกกรอบบ้าง เวลาครูร้องขอเจ้าหน้าที่ต้องอยู่ และที่สำคัญการประสานงานต้องชัดเจน กองกำลังต้องไม่เปลี่ยนบ่อยๆ เพราะการประสานจะยากขึ้น หากให้คนเก่าไป แล้วเอาคนใหม่มาบ่อยๆ ก็จะขาดความต่อเนื่อง และเจ้าหน้าที่ที่ทำงานต้องจริงใจ มีประสิทธิภาพ ละเอียดรอบคอบ ไม่ใช่ทำแล้วเลิก ตนเชื่อว่าแผนอย่างนี้จะบรรลุผล
“ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุพยายามหาจุดบอดของเรา และการทำงานของเราที่ผ่านมาไม่ละเอียดอ่อน ไม่รอบคอบ คิดว่าเรื่องจะไม่เกิด และครูต้องเดินตามแผนในกรอบกติกาที่ตกลงกัน ขอฝากย้ำว่ากองกำลังต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยให้มีเหตุเกิดซ้ำๆ ซากๆ ประกอบกับรัฐบาลก็ทุ่มงบประมาณมาก แต่ผลผลิตไม่สมราคาที่ลงทุนไปอย่างนี้ไม่ได้” ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กล่าว