อพท.จ้างที่ปรึกษาเปิดเวทีฟังชาวภูเก็ตก่อนประกาศเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวพิเศษ

ศูนย์ข่าวภูเก็ต- อพท.เดินหน้าโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต จ้างที่ปรึกษาเกือบ 9 ล้านบาท เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นชาวภูเก็ตทุกภาคส่วน พร้อมเสนอขอมติครม.ประกาศเป็นพื้นที่พิเศษภายใต้กฎหมายอพท. มั่นใจโครงการนี้ภูเก็ตได้ประโยชน์ ไม่กระทบสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตคนรอบอ่าวแน่นอน คาดเสนอครม.ได้ภายใน 4 เดือนนับจากนี้หลังบริษัทที่ปรึกษาลงพื้นที่เก็บข้อมูลเสร็จภายใน 3 เดือน ส่วนจะประกาศเฉพาะอ่าวหรือทั้งจังหวัดต้องรอผลจากเวที

นายรัชทิน ศยามานนท์ กรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (อพท.) ในฐานะประธานโครงการศึกษาความเหมาะสม การประกาศเขตพื้นที่อ่าวภูเก็ตและพื้นที่เชื่อมโยงเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เปิดเผยถึงความคืบหน้า การผลักดันให้พื้นที่อ่าวภูเก็ตเป็นพื้นที่เพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนภายใต้กฎหมาย อพท. ภายหลังเข้าหารือนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้อพท.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา คือ บริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด ด้วยงบประมาณ 8.9 ล้านบาท ศึกษาและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ภูเก็ตทุกภาคส่วน ถึงการที่จะพัฒนาให้พื้นที่บริเวณอ่าวภูเก็ตและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ จะทำความเข้าใจและให้ข้อมูลถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นกับภูเก็ตต่อกรณีการพัฒนาโครงการอ่าวภูเก็ต ที่จะทำให้สภาพสิ่งแวดล้อมดีขึ้น เมื่อพัฒนาแล้วคนภูเก็ตจะได้ประโยชน์อะไรกับโครงการนี้บ้าง ซึ่งบริษัทดังกล่าวจะใช้เวลาในการศึกษาประมาณ 3 เดือน และจะมีการรับฟังความคิดเห็นแนะนำโครงการครั้งแรกประมาณปลายเดือนมิถุนายน หลังจากนั้นคาดว่าอีก 4 เดือนจากนี้ อพท.จะเสนอโครงการที่จะพัฒนาให้อ่าวภูเก็ตเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ในการประกาศให้พื้นที่อ่าวภูเก็ตและพื้นที่เชื่อมโยง เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ นายรัชทิน ยังกล่าวด้วยว่า เหตุที่จะต้องมีการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ ก็เพื่อให้ อพท.เข้ามาดำเนินการได้โดยมีกฎหมายรองรับอย่างถูกต้อง เพื่อความสะดวกในการประสานงานการพัฒนาและแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน ในการที่จะดำเนินการพัฒนาอ่าวภูเก็ต และหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ อพท.ก็จะจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาลงลึกในรายละเอียดทั้งรูปแบบ เงินลงทุน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวภูเก็ตที่อยู่บริเวณรอบๆ อ่าวภูเก็ต ผลประโยชน์ที่คนภูเก็ตจะได้รับจากโครงการนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาประมาณ 1 ปีกว่าๆ

“ยืนยันว่าในการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ จะไม่มีการเปลี่ยนในเรื่องของวิถีชุมชนที่มีอยู่ แต่จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น โดยเฉพาะสภาพของสิ่งแวดล้อมบริเวณอ่าวภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีความเสื่อมโทรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำเสีย ขยะ สิ่งปฏิกูลต่างๆ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ โดยที่จะต้องไม่กระทบกับคนในชุมชน และคนในชุมชนก็จะต้องได้ประโยชน์จากการพัฒนาที่เกิดขึ้นด้วย”นายรัชทินกล่าวและว่า

ในปีที่ผ่านมา อพท.ได้ลงพื้นที่มารับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลักซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ได้แก่ เทศบาลนครภูเก็ต เทศบาลตำบลวิชิต และเทศบาลตำบล รัษฏา รวมทั้งยังได้มีการสอบถามความคิดเห็นจากองค์กรภาคเอกชนและผู้นำชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ไปแล้วด้วย ซึ่งยังมีความเห็นแตกต่างในเรื่องของพื้นที่ที่จะประกาศเป็นเขตพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว โดยส่วนหนึ่งเห็นว่าควรจะประกาศเฉพาะบริเวณอ่าวภูเก็ตและพื้นที่เชื่อมโยง กับอีกส่วนหนึ่งเห็นควรที่จะประกาศพื้นที่ทั้งจังหวัดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ

นายรัชทิน กล่าวว่า จากความเห็นที่แตกต่างดังกล่าว จึงยังไม่ได้มีการสรุปว่าจะประกาศเฉพาะส่วนหรือประกาศทั้งพื้นที่ โดยจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากนี้เมื่อทางบริษัทที่ปรึกษาได้เข้ามาดำเนินการอย่างจริงจัง เริ่มจากการประกาศชี้แจงรายละเอียดโครงการ และการสอบถามความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อประมวลข้อมูลทั้งหมดไปนำเสนอขอรับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบก็จะได้มาศึกษารายละเอียดในเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบของการพัฒนาว่าจะดำเนินการได้อย่างไร โดยจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปีเศษ เพื่อกำหนดรูปแบบและแนวทางที่ชัดเจน จากนั้นก็ต้องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ก่อนที่จะประกาศเพื่อหาผู้มาพัฒนาหรือลงทุนต่อไป

สำหรับโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต ถือเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์อีกโครงการหนึ่งขอภูเก็ต ที่มีการผลักดันมาหลายรัฐบาลแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม นอกจากการศึกษาออกแบบรายละเอียดที่กรมโยธาธิการและผังเมืองเคยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดไปก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว

โครงการนี้จะเป็นการฟื้นฟูอ่าวภูเก็ต ที่เสื่อมโทรมจากการทำเหมืองแร่ในอดีตให้เป็นเมืองใหม่ที่ทันสมัย เพราะตามแบบที่เคยออกไว้ จะแบ่งการพัฒนาออกเป็นสองเกาะใหญ่ๆ คือ เกาะ MICE ที่จะประกอบไปด้วยศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าขนาดใหญ่ โรงแรมที่พัก ศูนย์การค้า ภัตตาคารร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย ส่วนอีกเกาะหนึ่งจะพัฒนาเป็น MARINA เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มเรือยอชต์ โดยเฉพาะจะมีทั้งมารีน่า อู่ซ่อมเรือยอชต์ โรงแรมที่พัก ฯลฯ

ผลการศึกษาขณะนั้นต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 65,000 ล้านบาท โดยเปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพราะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จะใช้งบประมาณของทางราชการเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน และที่ผ่านมาก็มีเอกชนจากต่างชาติหลายรายที่สนใจเสนอโครงการเข้ามายังจังหวัดภูเก็ต แต่จนถึงขณะนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าที่ชัดเจน จน อพท.ต้องการที่จะเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการพัฒนาอ่าวภูเก็ต โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนภายใต้กฎหมายของอพท.