ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เผยผลการดำเนินการปรับปรุงระบบการจัดการขยะมูลฝอย จังหวัดภูเก็ต ระหว่างปี 2548-2551 ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยก่อนนำเข้าเตาเผา คาดหวังการสัมมนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทำคนเข้าร่วมเกิน 50%
วันนี้ (25 พ.ค) ที่โรงแรมเมโทรโพลภูเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาทางวิชาการ เรื่องการปรับปรุงระบบการจัดการขยะมูลฝอยจังหวัดภูเก็ต ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเครือข่ายท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ตเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน จัดขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อสรุปผลการดำเนินกิจกรรม โครงการปรับปรุงระบบการจัดการขยะมูลฝอย จังหวัดภูเก็ต ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548-2551 ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับฟังและเสนอความคิดเห็นต่อการดำเนินงาน ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 19 แห่ง ใน จ.ภูเก็ต ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถานประกอบการ และสถานศึกษา รวมทั้งสิ้น 150 คน
นายสรธรรม กล่าวว่า จากการดำเนินกิจกรรมโครงการปรับปรุงระบบการจัดการขยะมูลฝอยจังหวัดภูเก็ตที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548-2551 ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานประกอบการ โดยมีเครือข่ายท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ตเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งหมด 11 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันดำเนินกิจกรรม
ส่งผลให้จนเกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โรงเรียน สถานประกอบการ ภาครัฐและภาคเอกชน ในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิด และควบคู่ไปกับการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการจัดการของท้องถิ่น เกิดเป็นโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเศษอาหารที่จัดเก็บได้จากชุมชนในพื้นที่เทศบาลตำบลเทพกระษัตรี กิจกรรมถนนสวยปลอดถังขยะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ทำให้ถนนพื้นที่นำร่องไม่มีถังขยะเกิดทัศนียภาพที่สวยงาม
ทั้งนี้ ยังคงมีการทำงานร่วมกันในกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความเห็นประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ ในการปรับปรุงระบบการจัดการของท้องถิ่น ซึ่งยังคงเป็นวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญตามเจตนารมณ์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตต่อไป จึงได้ดำเนินการจัดสัมมนา ครั้งที่ 3 ขึ้น ซึ่งคาดว่าผลที่จะได้รับจากการดำเนินกิจกรรม คือ การพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิด
ประชาชนในพื้นที่นำร่องเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 แก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของจังหวัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนทำให้ระบบกำจัดแบบเตาเผามีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดมลพิษจากการเผา โดยการลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่จะเข้าสู่เตาเผา และเป็นองค์ความรู้ให้กับท้องถิ่นที่จะนำไปพัฒนา หรือขยายพื้นที่การดำเนินกิจกรรม และตัวอย่างการจัดการให้กับท้องถิ่นในจังหวัดอื่นๆ
วันนี้ (25 พ.ค) ที่โรงแรมเมโทรโพลภูเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาทางวิชาการ เรื่องการปรับปรุงระบบการจัดการขยะมูลฝอยจังหวัดภูเก็ต ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเครือข่ายท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ตเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน จัดขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อสรุปผลการดำเนินกิจกรรม โครงการปรับปรุงระบบการจัดการขยะมูลฝอย จังหวัดภูเก็ต ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548-2551 ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับฟังและเสนอความคิดเห็นต่อการดำเนินงาน ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 19 แห่ง ใน จ.ภูเก็ต ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถานประกอบการ และสถานศึกษา รวมทั้งสิ้น 150 คน
นายสรธรรม กล่าวว่า จากการดำเนินกิจกรรมโครงการปรับปรุงระบบการจัดการขยะมูลฝอยจังหวัดภูเก็ตที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548-2551 ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานประกอบการ โดยมีเครือข่ายท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ตเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งหมด 11 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันดำเนินกิจกรรม
ส่งผลให้จนเกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โรงเรียน สถานประกอบการ ภาครัฐและภาคเอกชน ในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิด และควบคู่ไปกับการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการจัดการของท้องถิ่น เกิดเป็นโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเศษอาหารที่จัดเก็บได้จากชุมชนในพื้นที่เทศบาลตำบลเทพกระษัตรี กิจกรรมถนนสวยปลอดถังขยะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ทำให้ถนนพื้นที่นำร่องไม่มีถังขยะเกิดทัศนียภาพที่สวยงาม
ทั้งนี้ ยังคงมีการทำงานร่วมกันในกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความเห็นประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ ในการปรับปรุงระบบการจัดการของท้องถิ่น ซึ่งยังคงเป็นวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญตามเจตนารมณ์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตต่อไป จึงได้ดำเนินการจัดสัมมนา ครั้งที่ 3 ขึ้น ซึ่งคาดว่าผลที่จะได้รับจากการดำเนินกิจกรรม คือ การพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิด
ประชาชนในพื้นที่นำร่องเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 แก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของจังหวัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนทำให้ระบบกำจัดแบบเตาเผามีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดมลพิษจากการเผา โดยการลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่จะเข้าสู่เตาเผา และเป็นองค์ความรู้ให้กับท้องถิ่นที่จะนำไปพัฒนา หรือขยายพื้นที่การดำเนินกิจกรรม และตัวอย่างการจัดการให้กับท้องถิ่นในจังหวัดอื่นๆ
