ศูนย์ข่าวภูเก็ต- “ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8” ตรวจการฝึกซ้อมกองร้อยควบคุมฝูงชน ของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมความพร้อมรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจารอบใหม่ ช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ สั่งทุกนายต้องตื่นตัวตลอดเวลา รับมือเหตุไม่คาดฝัน หวังกอบกู้ภาพลักษณ์ประเทศ เชื่อจะไม่เกิดเหตุป่วนเมืองจนพังการประชุมเหมือนที่เมืองพัทยาแน่นอน ขณะที่ความเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม ยังไม่มีรายงาน แต่ไม่ประมาท เพิ่มความเข้มงานด้านการข่าว
วันนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ที่บริเวณลานฝึกด้านหลัง สภ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.สัญฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นประธานตรวจการฝึกซ้อมแผนการสลายฝูงชน เพื่อเตรียมความพร้อมรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา หรืออาเซียน+3+6 ที่รัฐบาลกำหนดจัดขึ้นรอบใหม่ ที่โรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อคาเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดกะรน อ.เมืองภูเก็ต ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2552 ที่จะถึงนี้
โดยมี พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้อำนวยการฝึก พ.ต.อ.ชลิต ถิ่นธานี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ควบคุมการฝึก พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรกะทู้ เป็นผู้บังคับการกองร้อยที่ 1 และ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรถลาง เป็นผู้บังคับการกองร้อยที่ 2 ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทั้ง 8 สถานี 2 กองร้อย ร่วม 300 นาย
สำหรับการฝึกซ้อมควบคุมฝูงชนในครั้งนี้ มีการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง คือ การประชุมอาเซียน+3+6 ครั้งนี้ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัย บริเวณเขตหวงห้ามชั้นใน จุดทางขึ้นเขาป่าตอง อ.กะทู้ ก่อนการประชุม ได้มีกลุ่มประชาชน รวมตัวกันบริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ประมาณ 300 คน
แกนนำปลุกระดมโจมตีรัฐบาลให้ยุบสภา และรับผิดชอบกรณีสลายการชุมนุมเมื่อครั้งที่ผ่านมา เมื่อข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางออกจากศาลากลางจังหวัดภูเก็ต มุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดประชุมอาเซียน +3+6 โรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อคาเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดกะรน อ.เมืองภูเก็ต เพื่อปิดล้อมทางเข้า-ออกโรงแรม กดดันรัฐบาลให้รับข้อเสนอ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ไม่ได้รับความร่วมมือใด ๆ ทั้งสิ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ยังคงเดินหน้ากดดันเจ้าหน้าที่ เพื่อจะเข้าไปบริเวณพื้นที่ชั้นในสถานที่จัดประชุม จนเกิดการปะทะกันขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ใช้โล่ป้องกัน และผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ก้อนหินปาเข้าใส่ จนสุดท้ายกลุ่มผู้ชุมนุมได้ล่าถอยออกไป ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ 2 นาย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
แต่กลับได้รับการปลุกระดมจากแกนนำอีกครั้ง โดยการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทำร้ายประชาชน จนสร้างความโกรธแค้นให้กลุ่มชุมนุมจนรวมตัวกันเพิ่มมากขึ้น และมีการนำอาวุธจำพวก ไม้ มีดพร้า และอื่น ๆ มาประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ ทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้รถดับเพลิง และแก็สน้ำตา เข้าสลายการชุมนุม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายราย ส่วนที่เหลือได้สลายการชุมนุมไป ซึ่งมีผู้ชุมนุมบางส่วนถูกจับกุม เนื่องจากการรวมตัวทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม ไม่ใช่การรวมตัวตามสิทธิรัฐธรรมนูญ
พล.ต.ท.สัญฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวภายหลังตรวจการฝึกซ้อมว่า พอใจในระดับหนึ่ง ซึ่งได้สั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่มความรุนแรงในการบุกปะทะเจ้าหน้าที่ เนื่องจากหากเกิดสถานการณ์จริง จะไม่ใช่แบบนี้ เพราะฉะนั้นการฝึกซ้อมทุกด้านต้องให้สมจริงมากที่สุด ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อมั่นว่า การจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน +3+6 รอบใหม่ที่ จ.ภูเก็ต จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และประสบความสำเร็จ เพราะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนชาวภูเก็ตที่ออกมายืนยันชัดเจนว่า พร้อมรับ และจะเป็นเจ้าภาพที่ดีในการประชุมครั้งนี้ เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศให้กลับมาอีกครั้ง
และเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์ว่า จะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นเหมือนอย่างที่เคยเกิดที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อการประชุมครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน แม้กำลังหลักในการรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ จะเป็นของทหาร ตำรวจคอยดูแลพื้นที่รอบนอก แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะประเทศชาติบอบช้ำ และเสียภาพลักษณ์ด้านความเชื่อมั่นเป็นอย่างมากในสายตานานาชาติ
ช่วงที่เกิดเหตุการณ์สำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยของประเทศไทยมีปัญหา ซึ่งเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญ จนทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศลดลงอย่างมาก แต่ครั้งนี้ยืนยันว่า จะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
โดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะใช้ในการปฏิบัติหน้าที่สำหรับการประชุมครั้งนี้ ใช้ทั้งภาค 8 ร่วม 19 กองร้อย เกือบ 3,000 นาย รวมไปถึงรัฐบาลจะประกาศใช้ พรก.ช่วงดังกล่าวด้วย ทำให้มาตรการรักษาความปลอดภัยทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งกำชับให้เจ้าหน้าที่จะรักษาความปลอดภัยในระดับปกติที่เคยทำมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด ต้องเข้มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ยังกล่าวถึงงานด้านการข่าวติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ที่อาจจะรวมตัวกันเคลื่อนไหวต่อต้านการประชุมอาเซียน+3+6 ด้วยว่า ไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อน และระหว่างการประชุม แต่เพื่อความไม่ประมาท กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบ เพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติหน้าที่.