ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – กรรมการสมานฉันท์ ท้วงติง ประธานกรรมการสมานฉันท์ ไม่ควรพูดว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญ เสมือนเป็นการชี้นำ ไม่เหมาะสม ต้องขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม
นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา กรรมการสมานฉันท์ เปิดเผยว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการให้สัมภาษณ์ของ นายอดิเรก ถึงฝั่ง ประธานกรรมการสมานฉันท์ที่ออกมาพูดว่าต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรานั้นมาตรานี้ คนเป็นฐานะประธานไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่งที่จะพูดคำนี้ในขณะที่ยังไม่ได้พูดคุยกันระหว่างกรรมการ มันเร็วเกินไปที่จะพูด เพราะเป็นเสมือนการชี้นำ และการจะแก้หรือจะทำอะไรในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ต้องขึ้นอยู่ในที่ประชุมของคณะกรรมการ และเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ว่า มีความต้องการอย่างไร ทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและเป็นธรรมของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มเดียวไม่ถูกต้อง
“ต่อไปนี้ประธานและกรรมการไม่ควรพูดเพิ่มอีก ให้รอมติที่ประชุมออกมาก่อน เพราะบางครั้งเมื่อศึกษารัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วมันไม่มีข้อบกพร่อง แต่พบว่าข้อบกพร่องมันอยู่ที่ประชาชนกลุ่มเล็กๆ จึงต้องคิดต่อไปว่าจะต้องพัฒนาคนพัฒนาประชาธิปไตยและพัฒนาการเมืองควบคู่กันไปก่อนได้หรือไม่ เมื่อพัฒนาแล้วมีนักการเมืองมีคุณภาพเต็มสภา หากเกิดปัญหาขึ้นอีก จะมาแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญที่หลังก็ได้ ไม่ใช่มาตั้งธงชี้นำ ทำให้สังคมเกิดความสับสน”
นายศุภสัณห์ หนูสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล (ทต.) นาทวี จ.สงขลา ที่ปรึกษาสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ตนได้ฟังนายอดิเรก ถึงฝั่ง ประธานกรรมการสมานฉันท์ ออกมาแถลงข่าวว่าต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรานั้นมาตรานี้นั้น ตนเห็นว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่คนเป็นประธาน จะออกมาแสดงความคิดเห็นในขณะที่กรรมการยังไม่ได้ประชุม และพรรคการเมืองยังไม่ตกผลึกความคิด ควรสงวนท่าทีให้มาก เพราะกรรมการอยู่ท่ามกลางเขาควาย การจะแก้หรือไม่แก้กฎหมายรัฐธรรมนูญมันไม่ได้อยู่ที่ประธานและคณะกรรมการ แต่ต้องฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก่อน
นายฮ่าหรน หมันหลอ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ตนได้ฟังคนที่เป็นประธานกรรมการสมานฉันท์ออกมาพูดผ่านสื่อว่าต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 237 และมาตราอื่นๆ ตนเห็นว่า ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งกับประธานกรรมการ มันเป็นการพูดผิดมารยาทของประธาน จริงๆ แล้วกฎหมายที่เขียนขึ้นมาทุกฉบับทุกคนรู้และมีข้อดี โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่มีทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิพร้อมสรรพ เมื่อทำผิดกติกาต้องได้รับโทษตามที่กติกาบัญญัติไว้ ดังนั้น มันไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญมันอยู่ที่คนมากกว่า ควรพัฒนาคนให้มีคุณภาพก่อนแล้วมาพัฒนารัฐธรรมนูญเมื่อมีปัญหา
นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา กรรมการสมานฉันท์ เปิดเผยว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการให้สัมภาษณ์ของ นายอดิเรก ถึงฝั่ง ประธานกรรมการสมานฉันท์ที่ออกมาพูดว่าต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรานั้นมาตรานี้ คนเป็นฐานะประธานไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่งที่จะพูดคำนี้ในขณะที่ยังไม่ได้พูดคุยกันระหว่างกรรมการ มันเร็วเกินไปที่จะพูด เพราะเป็นเสมือนการชี้นำ และการจะแก้หรือจะทำอะไรในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ต้องขึ้นอยู่ในที่ประชุมของคณะกรรมการ และเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ว่า มีความต้องการอย่างไร ทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและเป็นธรรมของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มเดียวไม่ถูกต้อง
“ต่อไปนี้ประธานและกรรมการไม่ควรพูดเพิ่มอีก ให้รอมติที่ประชุมออกมาก่อน เพราะบางครั้งเมื่อศึกษารัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วมันไม่มีข้อบกพร่อง แต่พบว่าข้อบกพร่องมันอยู่ที่ประชาชนกลุ่มเล็กๆ จึงต้องคิดต่อไปว่าจะต้องพัฒนาคนพัฒนาประชาธิปไตยและพัฒนาการเมืองควบคู่กันไปก่อนได้หรือไม่ เมื่อพัฒนาแล้วมีนักการเมืองมีคุณภาพเต็มสภา หากเกิดปัญหาขึ้นอีก จะมาแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญที่หลังก็ได้ ไม่ใช่มาตั้งธงชี้นำ ทำให้สังคมเกิดความสับสน”
นายศุภสัณห์ หนูสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล (ทต.) นาทวี จ.สงขลา ที่ปรึกษาสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ตนได้ฟังนายอดิเรก ถึงฝั่ง ประธานกรรมการสมานฉันท์ ออกมาแถลงข่าวว่าต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรานั้นมาตรานี้นั้น ตนเห็นว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่คนเป็นประธาน จะออกมาแสดงความคิดเห็นในขณะที่กรรมการยังไม่ได้ประชุม และพรรคการเมืองยังไม่ตกผลึกความคิด ควรสงวนท่าทีให้มาก เพราะกรรมการอยู่ท่ามกลางเขาควาย การจะแก้หรือไม่แก้กฎหมายรัฐธรรมนูญมันไม่ได้อยู่ที่ประธานและคณะกรรมการ แต่ต้องฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศก่อน
นายฮ่าหรน หมันหลอ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ตนได้ฟังคนที่เป็นประธานกรรมการสมานฉันท์ออกมาพูดผ่านสื่อว่าต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 237 และมาตราอื่นๆ ตนเห็นว่า ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งกับประธานกรรมการ มันเป็นการพูดผิดมารยาทของประธาน จริงๆ แล้วกฎหมายที่เขียนขึ้นมาทุกฉบับทุกคนรู้และมีข้อดี โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่มีทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิพร้อมสรรพ เมื่อทำผิดกติกาต้องได้รับโทษตามที่กติกาบัญญัติไว้ ดังนั้น มันไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญมันอยู่ที่คนมากกว่า ควรพัฒนาคนให้มีคุณภาพก่อนแล้วมาพัฒนารัฐธรรมนูญเมื่อมีปัญหา
