สุราษฎร์ธานี - พิษบ่อขยะชุมชนวัดประดู่ ผู้ว่าฯสุราษฎร์ ออกมาแจงไม่อนุมัติให้เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี นำวิธีการฝังกลบขยะมาใช้ แต่ต้องการให้มีการจัดตั้งโรงไฟฟ้าเพื่อการกำจัดขยะ พร้อมแบไต๋อาจให้เอกชนรับดำเนินการด้วยงบกว่า 1 พันล้านบ.
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (27 เม.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวกับผู้แทนชุมชนวัดประดู่ที่เข้าพบ เพื่อขอทราบความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาขยะ ณ บริเวณตำบลวัดประดู่ อำเภอเมือง ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนในตำบลวัดประดู่ มาเป็นเวลากว่า 20 ปี
โดยในปัจจุบันมีขยะกองใหญ่ที่ไม่มีระบบจัดการซึ่งทำให้ประชาชนใน 5 หมู่บ้าน ของตำบลวัดประดู่ ประมาณกว่า 2,000 คน ต้องรับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม และมีปัญหาด้านสุขภาพอนามัย
ทั้งนี้ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวย้ำว่า ไม่อนุมัติให้เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีนำวิธีการฝังกลบมาใช้ แต่ต้องการให้มีการจัดตั้งโรงไฟฟ้าเพื่อการกำจัดขยะ โดยเทศบาลไม่ต้องใช้งบประมาณแต่อย่างใด แต่จะมีบริษัทเอกชนมาดำเนินการให้ ด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เมื่ออายุครบสัญญา 20 ปี จะส่งมอบให้เป็นสมบัติของเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ซึ่งบริษัทที่จะลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้ากำจัดขยะนั้น จะเป็นรายใดหรือจะมาจากประเทศใดก็ได้
นายประชา กล่าวอีกว่า หากเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีจัดหาซื้อที่ดินแห่งใหม่ได้ และผ่านประชาพิจารณ์ของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ดินที่จัดซื้อ ทางจังหวัดไม่ขัดข้อง แต่หาซื้อไม่ได้ และไม่ผ่านประชาพิจารณ์ จำเป็นต้องจัดตั้งโรงไฟฟ้าเพื่อการกำจัดขยะ และนำแสงสว่างมาใช้ในชุมชน ณ บริเวณที่กำจัดขยะตำบลวัดประดู่ ซึ่งเป็นที่ดินของเทศบาล และเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในวิธีการกำจัดขยะด้วยการจัดตั้งโรงไฟฟ้า ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีพร้อมที่จะนำไปศึกษาดูงานที่จังหวัดจันทบุรี ต่อไปด้วย
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (27 เม.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวกับผู้แทนชุมชนวัดประดู่ที่เข้าพบ เพื่อขอทราบความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาขยะ ณ บริเวณตำบลวัดประดู่ อำเภอเมือง ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนในตำบลวัดประดู่ มาเป็นเวลากว่า 20 ปี
โดยในปัจจุบันมีขยะกองใหญ่ที่ไม่มีระบบจัดการซึ่งทำให้ประชาชนใน 5 หมู่บ้าน ของตำบลวัดประดู่ ประมาณกว่า 2,000 คน ต้องรับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม และมีปัญหาด้านสุขภาพอนามัย
ทั้งนี้ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวย้ำว่า ไม่อนุมัติให้เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีนำวิธีการฝังกลบมาใช้ แต่ต้องการให้มีการจัดตั้งโรงไฟฟ้าเพื่อการกำจัดขยะ โดยเทศบาลไม่ต้องใช้งบประมาณแต่อย่างใด แต่จะมีบริษัทเอกชนมาดำเนินการให้ ด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เมื่ออายุครบสัญญา 20 ปี จะส่งมอบให้เป็นสมบัติของเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ซึ่งบริษัทที่จะลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้ากำจัดขยะนั้น จะเป็นรายใดหรือจะมาจากประเทศใดก็ได้
นายประชา กล่าวอีกว่า หากเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีจัดหาซื้อที่ดินแห่งใหม่ได้ และผ่านประชาพิจารณ์ของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ดินที่จัดซื้อ ทางจังหวัดไม่ขัดข้อง แต่หาซื้อไม่ได้ และไม่ผ่านประชาพิจารณ์ จำเป็นต้องจัดตั้งโรงไฟฟ้าเพื่อการกำจัดขยะ และนำแสงสว่างมาใช้ในชุมชน ณ บริเวณที่กำจัดขยะตำบลวัดประดู่ ซึ่งเป็นที่ดินของเทศบาล และเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในวิธีการกำจัดขยะด้วยการจัดตั้งโรงไฟฟ้า ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีพร้อมที่จะนำไปศึกษาดูงานที่จังหวัดจันทบุรี ต่อไปด้วย