ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ-นายกท่องเที่ยวภูเก็ตเห็นด้วยออกกฎหมายให้ภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านท่องเที่ยว เผยที่ผ่านมารัฐพัฒนาได้ช้ากว่าภาคเอกชน
จากกรณีที่คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภาออกมาแถลงผลการศึกษาการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดภูเก็ต (เพื่อการท่องเที่ยว) ว่า จากการศึกษาพบว่าแนวทางแก้ไขปัญหาของจังหวัดภูเก็ต ควรจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.ภูเก็ต โดยควรเน้นเฉพาะการท่องเที่ยว และมุ่งเน้นให้เกิดอำนาจบริหารจัดการและพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัด รวมถึงการจัดการรายได้ร้อยละ 30 กลับมาพัฒนาจังหวัด
ทั้งนี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษจำเป็นต้องมีแหล่งรายได้ที่สามารถค้ำจุนตัวเองได้ โดยต้องไม่ให้รัฐรับภาระมากเกินไป และอาจกำหนดให้เขตเศรษฐกิจพิเศษ มีอำนาจกำหนดให้สัมปทานในกิจการบางประเภทได้ แต่ต้องไม่เป็นการกระทบต่อธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวภูเก็ต
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีลักษณะเป็นเกาะที่แยกจากแผ่นดินใหญ่ และการจะแยกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อการท่องเที่ยว คิดว่ามีความจำเป็น เพราะในการใช้กฎหมายบางอย่างมีข้อจำกัด เนื่องจากเป็นกฎหมายทั่วไปที่จะบังคับใช้เหมือนกันทั่วประเทศ
ทั้งนี้ จังหวัดภูเก็ตเรามุ่งเป้าว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว บางครั้งในแง่ของการลงทุนหรือโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายพิเศษต่างหาก หากออกกฎหมายพิเศษเฉพาะพื้นที่ในการที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นเรื่องๆ เช่น ในความเป็นเมืองท่องเที่ยว สถานประกอบการ ควรจะแยกจากเมืองปกติ จะทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตมีความคล่องตัวมากขึ้น อย่างน้อยดัชนีได้บ่งบอกว่าจังหวัดภูเก็ต มีรายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างสูง หากมีกฎหมายที่เอื้อให้กับการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวสมบูรณ์ยิ่งขึ้น จะทำให้เม็ดเงินต่างๆ เข้ามามากขึ้น
นายปรีชา กล่าวอีกว่า จากระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ทำให้ทราบถึงความติดขัดในเรื่องของกฎหมายอย่างซึ่งช้บังคับเหมือนกันทั่วประเทศ ดังนั้น เมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยวเฉพาะน่าจะมีอะไรที่ผ่อนปรนได้บาง และต้องแตกต่างจากทั่วไป
ในขณะที่ นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวแสดงความคิดเห็นในเรื่องเดียวกันว่า โดยหลักการส่วนใหญ่ เห็นด้วยให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ (ด้านการท่องเที่ยว) เพราะว่าจะเป็นฟาสต์แทรก สามารถตัดสินใจพัฒนาภูเก็ตได้รวดเร็วขึ้น หากมีการจัดสรรงบประมาณกลับคืนมาที่จังหวัดภูเก็ตอย่างสมน้ำสมเนื้อ ก็จะเป็นประโยชน์ในการดำเนินการพัฒนาจังหวัดโดยส่วนรวม
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลสถิติทางด้านการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ต่อปี และแน่นอนว่าภาคเอกชนต้องเดินหน้าพัฒนาในส่วนรับผิดชอบค่อนข้างจะรวดเร็วกว่า ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ พัฒนาตามมาค่อนข้างช้า เพราะการตัดสินใจมีขั้นตอนในการสรุปผลก่อนการตัดสินใจ ดังนั้นการพัฒนาใดๆ จึงไม่ทันการณ์
การทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ (ด้านการท่องเที่ยว) สามารถดำเนินการไปได้ หรือสามารถรองรับการพัฒนา ในภาคส่วนของการท่องเที่ยวและด้านอื่นๆไปได้เช่นเดียวกัน ในเมื่องบประมาณได้รับการจัดสรรให้พื้นที่มากขึ้น เพราะฉะนั้นการอนุมัติ แผนงานโครงการใดๆทำได้เร็วขึ้น
สำหรับงบประมาณร้อยละ 30 ถือว่าเป็นงบประมาณที่ได้รับมากกว่าเดิม ส่วนเม็ดเงินที่จะได้รับจริงๆ ไม่ทราบข้อมูล แต่สามารถที่จะนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็นต่อไป ใน
ขณะที่การให้สัมปทานในกิจการบางอย่างนั้น ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่ดำเนินการโดยไม่ต้องรอจากรัฐบาลกลาง ตัวอย่างที่ชัดเจนขณะนี้ คือ โรงงานกำจัดขยะมูลฝอยที่บริเวณคลองเกาะผี มีสมรรถนะในการกำจัดเพียงวันละ 250 ตัน แต่ปัจจุบันปรากฏว่า มีปริมาณขยะมีสูงมากกว่า 500 ตันต่อวัน หากมีการดำเนินการไปตามขั้นตอนของทางราชการจะล่าช้า การเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สัมปทานภาคเอกชน จะเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดินด้วย
จากกรณีที่คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภาออกมาแถลงผลการศึกษาการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดภูเก็ต (เพื่อการท่องเที่ยว) ว่า จากการศึกษาพบว่าแนวทางแก้ไขปัญหาของจังหวัดภูเก็ต ควรจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.ภูเก็ต โดยควรเน้นเฉพาะการท่องเที่ยว และมุ่งเน้นให้เกิดอำนาจบริหารจัดการและพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัด รวมถึงการจัดการรายได้ร้อยละ 30 กลับมาพัฒนาจังหวัด
ทั้งนี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษจำเป็นต้องมีแหล่งรายได้ที่สามารถค้ำจุนตัวเองได้ โดยต้องไม่ให้รัฐรับภาระมากเกินไป และอาจกำหนดให้เขตเศรษฐกิจพิเศษ มีอำนาจกำหนดให้สัมปทานในกิจการบางประเภทได้ แต่ต้องไม่เป็นการกระทบต่อธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวภูเก็ต
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีลักษณะเป็นเกาะที่แยกจากแผ่นดินใหญ่ และการจะแยกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อการท่องเที่ยว คิดว่ามีความจำเป็น เพราะในการใช้กฎหมายบางอย่างมีข้อจำกัด เนื่องจากเป็นกฎหมายทั่วไปที่จะบังคับใช้เหมือนกันทั่วประเทศ
ทั้งนี้ จังหวัดภูเก็ตเรามุ่งเป้าว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว บางครั้งในแง่ของการลงทุนหรือโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายพิเศษต่างหาก หากออกกฎหมายพิเศษเฉพาะพื้นที่ในการที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นเรื่องๆ เช่น ในความเป็นเมืองท่องเที่ยว สถานประกอบการ ควรจะแยกจากเมืองปกติ จะทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตมีความคล่องตัวมากขึ้น อย่างน้อยดัชนีได้บ่งบอกว่าจังหวัดภูเก็ต มีรายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างสูง หากมีกฎหมายที่เอื้อให้กับการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวสมบูรณ์ยิ่งขึ้น จะทำให้เม็ดเงินต่างๆ เข้ามามากขึ้น
นายปรีชา กล่าวอีกว่า จากระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ทำให้ทราบถึงความติดขัดในเรื่องของกฎหมายอย่างซึ่งช้บังคับเหมือนกันทั่วประเทศ ดังนั้น เมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยวเฉพาะน่าจะมีอะไรที่ผ่อนปรนได้บาง และต้องแตกต่างจากทั่วไป
ในขณะที่ นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวแสดงความคิดเห็นในเรื่องเดียวกันว่า โดยหลักการส่วนใหญ่ เห็นด้วยให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ (ด้านการท่องเที่ยว) เพราะว่าจะเป็นฟาสต์แทรก สามารถตัดสินใจพัฒนาภูเก็ตได้รวดเร็วขึ้น หากมีการจัดสรรงบประมาณกลับคืนมาที่จังหวัดภูเก็ตอย่างสมน้ำสมเนื้อ ก็จะเป็นประโยชน์ในการดำเนินการพัฒนาจังหวัดโดยส่วนรวม
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลสถิติทางด้านการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ต่อปี และแน่นอนว่าภาคเอกชนต้องเดินหน้าพัฒนาในส่วนรับผิดชอบค่อนข้างจะรวดเร็วกว่า ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ พัฒนาตามมาค่อนข้างช้า เพราะการตัดสินใจมีขั้นตอนในการสรุปผลก่อนการตัดสินใจ ดังนั้นการพัฒนาใดๆ จึงไม่ทันการณ์
การทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ (ด้านการท่องเที่ยว) สามารถดำเนินการไปได้ หรือสามารถรองรับการพัฒนา ในภาคส่วนของการท่องเที่ยวและด้านอื่นๆไปได้เช่นเดียวกัน ในเมื่องบประมาณได้รับการจัดสรรให้พื้นที่มากขึ้น เพราะฉะนั้นการอนุมัติ แผนงานโครงการใดๆทำได้เร็วขึ้น
สำหรับงบประมาณร้อยละ 30 ถือว่าเป็นงบประมาณที่ได้รับมากกว่าเดิม ส่วนเม็ดเงินที่จะได้รับจริงๆ ไม่ทราบข้อมูล แต่สามารถที่จะนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็นต่อไป ใน
ขณะที่การให้สัมปทานในกิจการบางอย่างนั้น ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่ดำเนินการโดยไม่ต้องรอจากรัฐบาลกลาง ตัวอย่างที่ชัดเจนขณะนี้ คือ โรงงานกำจัดขยะมูลฝอยที่บริเวณคลองเกาะผี มีสมรรถนะในการกำจัดเพียงวันละ 250 ตัน แต่ปัจจุบันปรากฏว่า มีปริมาณขยะมีสูงมากกว่า 500 ตันต่อวัน หากมีการดำเนินการไปตามขั้นตอนของทางราชการจะล่าช้า การเปิดโอกาสให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สัมปทานภาคเอกชน จะเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดินด้วย
