กระบี่ - สำนักป้องกันรักษาและควบคุมไฟป่า ร่วมกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 12 เจ้าหน้าที่อุทยาน บุกเข้าตรวจสอบยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณ เขาอ่าวนาง และ ป่าหางนาค เนื้อที่กว่า 50 ไร่ มูลค่าความเสียหาย กว่า 1 พันล้านบาท
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (30 มี.ค.) นายวิทูรย์ ชลายนนาวิน ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายเชิดวิทย์ คงมีสุข ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 นายศุภชัย สุขใส หัวหน้าหัวหน้าสายตรวจปราบปราการประทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หน่วยป้องกันและปราบปรามและรักษาป่าที่ กบ.1-5 หน่วยประสานงานป้องกันและปราบปรามทรัพยาการป่าไม้จ.กระบี่ สนธิกำลังร่วมกว่า 50 นาย เข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนางและป่าหางนาค หมู่ที่ 3 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ภายหลังจากที่ได้รับแจ้งว่ามีนายทุนรายใหญ่เข้าทำการบุกรุกปรับปรุงพื้นที่ เตรียมสร้างรีสอร์ท
จากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบว่า สภาพพื้นที่เป็นภูเขาโดยจุดเกิดเหตุอยู่บนยอดเขา ชื่อเขาคลองแห้ง ความชันโดยเฉลี่ย 90-100 เปอร์เซ็นต์ สูงจากระกับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร มีการตัดถนนเข้าไปในพื้นที่โดยรอบภูเขาเป็นระยะทางกว่า 800 เมตร สภาพพื้นผิวถนนถูกอัดบดเป็นอย่างดี ขนาดความกว้าง 5-10 เมตร พบไม้ท่อนซุง เป็นไม้เบญจพรรณ เช่น ไม้สอม ไม้นนทรีย์ ไม้กอ ถูกตัดทำลายกองไว้ตามจุดต่างริมถนน รวมจำนวน 38 ท่อน นอกจากนั้นยังมีการปักหลักเขตที่ดิน จำนวน ไม่ต่ำกว่า 10 จุด เพื่อเตรียมออกเอกสารสิทธิ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ถ่ายภาพพื้นที่ไว้ และตรวจยึดไม้ไว้เป็นหลักฐาน
นายวิทูรย์ ชลายนนาวิน ผอ.สำนักป้องกันรักษาและควบคุมไฟป่า กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบพื้นที่ และจากการรายงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ ทราบว่า เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ก็มีผู้แอบอ้าง เบื้องสูง พร้อมทั้งมีการแอบอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงในจังหวัด ว่าเป็นผู้อนุญาตให้ดำเนินการ ทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบ นอกจากนั้นยังมีการอ้างแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน หรือ สค.1 เลขที่ 48 ที่ดินหมู่ที่ 3 ตำบลอ่าวนาง หลายทอดหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบหลักฐาน สค.1 ดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นการกล่าวอ้าง สค.1 ไม่ตรงพื้นที่ มีทิศข้างเดียว ซึ่งมีการะบุการครอบครองทำประโยชน์มาก่อนปี 2475 และสภาพพื้นที่เป็นสวนยาง แต่จากการตรวจสอบไม่พบสวนยางแต่อย่างใด ทั้งนี้การกระทำของ ผู้แอบอ้าง เป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ซึ่งหลังจากนี้จะส่งมอบหลักฐานการตรวจยึดทั้งหมด นำเสนอต่ออธิบดีกรมป่าไม้เพื่อพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่อไป พร้อมกับให้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ถือครอง โดยเบื้องต้นทำให้รัฐเกิดความเสียหายไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท โดยทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการซื้อขายกันที่ไร่ละ 20 ล้านบาท
สำหรับในส่วนของคดีอาจจะโอนไปดำเนินการในส่วนกลางเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบข้อมูลเอาผิดผู้กระทำผิดและกันการวิ่งเต้นล้มคดี เพราะทราบมีข้าราชการบางหน่วยงานรู้เห็นเป็นใจในการที่เตรียมจะออกเอกสารสิทธิ
รายงานจากแหล่งข่าวกล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เข้าไปทำการตรวจสอบตลอด ที่สืบทราบว่ามีการเข้าไปบุกรุกพื้นที่ แต่กลุ่มผู้ที่เข้าไปทำการบุกรุกแอบอ้างเบื้องสูงตลอด จนทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าดำเนินการใด คอยแต่ดูกลุ่มนายทุนกลุ่มนี้ดำเนินการบุกรุกอย่างท้าทายกฎหมายและในทางลับก็ได้มีการตรวจสอบ แต่พบว่าการบุกรุกที่ดินดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของตัวเอง จึงได้เข้าทำการตรวจยึดพื้นที่และหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป