ระนอง - เจ้าอาวาส-สัปเหร่อวัดสุวรรณคีรีวิหาร ประสานเสียงไม่เคยเผาศพ“กันต์กนิษฐ์ ชิ้นศิริ” ลูกสาวอดีต ส.ส.เพชรบุรี สวมสิทธิคนตายเหตุการณ์สึนามิ แต่ยอมรับออกใบรับรองการเผาให้จริง ด้านตำรวจ สภ.ปากน้ำระนอง เร่งรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีข้อหาแจ้งความเท็จ
จากกรณีที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัว นางกันต์กนิษฐ์ อังกินันทน์ หรือนางปานจิต ชิ้นศิริ อายุ 48 ปี ลูกสาวนายปิยะ หรือ แป๋ง อังกินันทน์ อดีต ส.ส.เพชรบุรี พรรคชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ จ 569/2548 ลงวันที่ 8 มิ.ย.48 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งเป็นเงิน 15 ล้านบาท หลังสืบทราบว่า นางกันต์กนิษฐ์ ร่วมกับพวกจัดฉากว่า ตัวเองเสียชีวิตจากเหตุพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิ ที่เกาะพยาม จังหวัดระนอง เมื่อปี 2547
เพื่อหลบหนีหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกงหลายสิบคดี ชุดสืบสวน บก.ป. และจับกุมนายชาญชัย ชิ้นศิริ อายุ 48 ปีสามีนางกันต์กนิษฐ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับฉ้อโกงเช่นกัน พร้อมยึดเอกสารหลายรายการ อาทิ ใบมรณบัตร นางกันต์กนิษฐ์ ชิ้นศิริ ใบอนุโมทนาจากวัดสุวรรณคีรีวิหาร จ.ระนอง ที่มีการนำศพ ซึ่งอ้างว่า เป็นนางกันต์กนิษฐ์ไปบำเพ็ญกุศล บัตรประชาชนในชื่อนางกันต์กนิษฐ์ นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดสุวรรณคีรีวิหาร หรือวัดหน้าเมือง ต.เขานิเวศน์อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นสถานที่ ที่นายชาญชัย ชิ้นศิริ กล่าวอ้างว่า นำศพนางกันต์กนิษฐ์ มาบำเพ็ญกุศล และทำฌาปนกิจ ที่เมรุของวัดดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจาก พระครูรณังคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองระนอง และเจ้าอาวาสวัดสุวรรณคีรีวิหาร
พระครูรณังคณารักษ์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า นายชาญชัย นำศพ นางกันต์กนิษฐ์ มาบำเพ็ญกุศลหรือไม่แต่ที่จำได้ทราบว่า ประมาณต้นเดือนมกราคมปี 2548 มีชาย 3-4 คน เดินทางมาหาตนที่วัด พร้อมกับแจ้งขอให้ทางวัดออกใบรับรองการเผาให้กับนางกันต์กนิษฐ์ ชิ้นศิริ โดยกลุ่มชายดังกล่าว ย้ำพร้อมอ้างว่า ก่อนหน้านี้ได้นำศพนางกันต์กนิษฐ์ มาตั้งบำเพ็ญกุศลในวัดประมาณ 3-4 คืน ก่อนทำการฌาปนกิจ
ซึ่งตนไม่แน่ใจว่า มีการตั้งศพบำเพ็ญกุศลหรือไม่ แต่การที่กลุ่มชายดังกล่าวมาขอใบรับรองการเผาถือว่า เป็นการกระทำผิดขั้นตอน เนื่องจากก่อนที่ทางวัดจะออกใบรับรองการเผาได้ จะต้องมีใบรับรองการตายจากทางอำเภอเมืองระนอง มายื่นแสดงก่อน แต่เมื่อสอบถามกลับไปก็ไม่มี แต่มีชายผู้หนึ่ง ซึ่งตนเชื่อว่า น่าจะนำเอกสารปลอมลักษณะหนังสือราชการ ร้องขอให้วัดดำเนินการให้ไปก่อน เนื่องจากทางอำเภออยู่ระหว่างการปรับปรุงฐานข้อมูล ตนเห็นว่า เป็นหนังสือราชการ และไม่ได้คิดเฉลียวใจ จึงได้ออกใบรับรองการเผาให้กับกลุ่มชายดังกล่าว ประกอบกับช่วงดังกล่าวได้มีหนังสือจากคณะสงฆ์มายังวัดว่า ถ้าเป็นศพสึนามิมาประกอบพิธีฌาปนกิจศพที่วัด ให้อำนวยความสะดวกด้วย
ด้าน นายจรูญ เทพณรงค์ เจ้าหน้าที่ฌาปณกิจ (สัปเหร่อ) วัดสุวรรณคีรีวิหาร กล่าวว่า จากการที่ตนทำหน้าที่ดังกล่าวมากว่า 10 ปี ส่วนใหญ่จะจำญาติ หรือชื่อผู้ตายที่มาใช้เตาเผาที่วัดได้เกือบทั้งหมด
ส่วนกรณีนางกันต์กนิษฐ์ ตนยืนยันว่า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาใช้บริการของเมรุของวัดสุวรรณคีรีวิหารอย่างแน่นอน อีกอย่างสมัยก่อนเมื่อปี 2547-2548 เตาเผาของวัดจะเป็นเตาเผาถ่าน ผู้ที่ใช้เตาเผาจะต้องจ่ายค่าบำรุงเตาเผาให้กับทางวัดจำนวน 1,000 บาท เมื่อได้เงินมาตนจะลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากการตรวจสอบไม่ปรากฏชื่อนางกันต์กนิษฐ์ตามที่นายชาญชัย กล่าวอ้างแต่ประการใด จึงสันนิษฐานได้ว่า ไม่มีการนำศพผู้ใดทั้งสิ้นมากระทำบำเพ็ญกุศล หรือเผามีเพียงแต่การสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อไปกระทำการบางอย่างเท่านั้น
ขณะที่ พ.ต.อ.วีรศิลป์ ขวัญเซ่ง ผกก.สภ.ปากน้ำระนอง กล่าวว่า กำลังเร่งรวบรวมข้อมูลทั้งหมดโดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในการร่วมดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อขออนุมัติต่อศาลในการออกหมายจับในข้อหาแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย และแจ้งให้เจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เป็นการใช้พยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และประชาชนโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท พร้อมกับทำเรื่องขออายัดตัว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.ปากน้ำจ.ระนองตามข้อหาดังกล่าว
ขณะนี้ได้ทำหนังสือด่วนที่ รน.0118.1(ส 1/472) ลงวันที่ 27 มี.ค. 2552ถึง สภ.เมืองสมุทรสาคร เขตพื้นที่ ที่นางกันต์กนิษฐ์ถูกจับกุมถึงรายละเอียดของการจับกุม เพื่อนำมาประกอบเป็นหลักฐานในการรวบรวมข้อมูลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งความเท็จต่อไป
จากพฤติกรรมการกระทำผิดในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า จะต้องดำเนินการเป็นขบวนการอย่างแน่นอน มีการวางแผนการทำงานที่ซับซ้อน อาศัยช่องว่างของเหตุการณ์ และกฎหมายกระทำผิด ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงชาวบ้านในเขตพื้นที่ จ.ระนอง กี่คนเข้าไปเกี่ยวข้องที่จะถูกออกหมายจับนั้น คงต้องเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ อีกระยะ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2547 เวลา 16.00 น.นายชาญชัย ชิ้นศิริ อายุ42 ปี (ขณะนั้น) อยู่บ้านเลขที่ 218 ซอยริมน้ำ ถ.พาณิชย์เจริญ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ. เพชรบุรี แจ้งความไว้เป็นหลักฐานว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2547 เวลาประมาณ 13.00 น. นางกันต์กนิษฐ์ ชิ้นศิริ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเดียวกับผู้แจ้ง ซึ่งเป็นภรรยาของผู้แจ้ง บอกกับผู้แจ้งว่า ได้เดินทางมาที่จังหวัดระนอง และเดินทางไปที่เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง หลังจากนั้นได้ขาดการติดต่อกับผู้แจ้ง จึงได้พยายามติดต่อ และค้นหามายังพื้นที่ จ.ระนอง แต่ไม่พบผู้แจ้งเกรงว่า จะได้รับอันตรายจากจากทราบข่าวทางโทรทัศน์ว่า มีคลื่นยักษ์สึนามิเข้ามาในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ ทำความเสียหายแก่ชีวิต และทรัพย์สินหลายพื้นที่ ในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ผู้แจ้งจึงมาแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสืบสวนค้นหาอีกทางหนึ่ง
จากนั้นวันเดียวกัน (31 ธ.ค.47) เวลา 19.00 น.นายชาญชัย ได้เข้าแจ้งความอีกครั้งหนึ่งว่า พบศพนางกันต์กนิษฐ์ แล้วซึ่งก่อนเกิดเหตุได้มาเที่ยวเกาะพยาม และประสบเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 จนกระทั่งมีพลเมืองดีมาพบศพลอยอยู่ในทะเล เมื่อตรวจสอบพยานหลักฐานจากบัตรประชาชนที่พกติดตัวแล้ว ปรากฎว่า เป็นนางกันต์กนิษฐ์
ขณะที่ตำรวจ สภ.กะเปอร์ ที่ถูกระบุว่า เป็นพื้นที่มีการนำศพนางกันต์กนิษฐ์ ไปขึ้นฝั่ง ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่า ช่วงที่เกิดเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปลายปี 2547 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะเปอร์ได้รับแจ้งให้ไปชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตเพียง 3 ศพเท่านั้น และไม่มีผู้เสียชีวิตชื่อ นางกันต์กนิษฐ์ ชิ้นศิริ แต่อย่างใด น่าจะเป็นการกล่าวอ้างมากกว่า
ด้านนายธีรยุทธ คงคล้าย ปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียนและบัตร อำเภอเมืองระนอง กล่าวว่าจากการตรวจสอบทางระบบคอมพิวเตอร์พบว่า มีการออกใบมรณบัตรให้นางกันต์กนิษฐ์จริง แต่เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาต้นขั้วของเอกสาร ที่นำมาใช้เป็นหลักฐานยื่นขอออกใบมรณะบัตรว่า มีเอกสารอะไรบ้าง หากพบว่า เป็นการแจ้งการตายโดยมิชอบ ก็ต้องยกเลิกใบมรณบัตรดังกล่าว เพราะผู้ตายตามที่ระบุในใบมรณบัตรยังมีชีวิตอยู่
สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิเขตพื้นที่ จ.ระนอง เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547 จากสำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง สรุปรวบรวมรายงานเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2548 พบว่า มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดจำนวน 164 ราย แบ่งเป็นเด็กผู้ชาย 17 ราย เด็กผู้หญิง 25 ราย ผู้ใหญ่เพศชาย 54 ราย เพศหญิง 68 รายสัญชาติไทย 158 ราย ต่างชาติ 2 ราย
ไม่สามารถระบุได้ 4 ราย ภูมิลำเนาของผู้เสียชีวิต จ.ระนอง 134 ราย ต่างจังหวัด 26 ราย ไม่ทราบ 4 ราย สถานที่พบศพ ในจังหวัด 159 ราย นอกจังหวัด 5 ราย มีการออกหนังสือรับรองการตาย 160 ราย ไม่ได้ออกหนังสือรับรองการตาย 4 ราย โดยศพไม่ทราบชื่อแบ่งเป็นเพศชาย 2 คน เพศหญิง 2 คน ซึ่งจากจำนวนผู้เสียชีวิตในเขตพื้นที่ จ.ระนอง ทั้ง 164 คน พบศพเฉพาะในพื้นที่ อ.กะเปอร์ และ อ.สุขสำราญ เท่านั้น ส่วนอำเภอเมืองไม่มีผู้เสียชีวิต และไม่ปรากฏรายชื่อ นางกันต์กนิษฐ์ ชิ้นศิริ แต่ประการใด.