xs
xsm
sm
md
lg

เผย “รองผู้บัญชาการ” ช่วยลูกสาว “แป๋ง ปิยะ” สวมศพสึนามิ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นางกันต์กนิษฐ์ หรือปานจิตร อังกินันทน์ หรือชิ้นศิริ (สวมแว่น)บุตรสาว นายปิยะ อังกินันทน์ อดีตส.ส.เพชรบุรี หลายสมัยและนายชาญชัย ชิ้นศิริ สามี(รูปเล็ก)
เผยสีกากีระดับ “รองผู้บัญชาการ” ช่วยลูกสาว “แป๋ง ปิยะ” สวมศพสึนามิ ตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีข้าราชการตั้งแต่ระดับล่าง-กลาง ด้านสภ.กะเปอร์ ยันไร้ชื่อ “กันต์กนิษฐ์” ตายในวันคลื่นยักษ์ถล่ม

วันนี้ (30 มี.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีตำรวจกองปราบปรามจับกุม นางกันต์กนิษฐ์ หรือปานจิต อังกินันทน์ หรือชิ้นศิริ บุตรสาวของนายปิยะ หรือแป๋ง อังกินันทน์ อดีต ส.ส.เพชรบุรี หลายสมัย และจับกุม นายชาญชัย ชิ้นศิริ สามีนางกันต์กนิษฐ์ ผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงมูลค่าเสียหายนับหมื่นล้านบาท โดยจัดฉากว่าเสียชีวิตจากเหตุสึนามิว่า หลังจากได้นำกำลังลงพื้นที่ จ.ระนอง เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ได้เข้าตรวจสอบกรณีการแจ้งความเท็จของนายชาญชัย ที่ สภ.กะเปอร์ จ.ระนอง พบว่าทาง สภ.กะเปอร์ ได้ลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตจากเหตุสึนามิ เพียง 4 ราย ซึ่งทั้งหมดไม่มีรายชื่อของนางกันต์กนิษฐ์แต่อย่างใด

พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับศพทั้งหมดมีญาตินำหลักฐานมายืนยันและรับศพไปบำเพ็ญกุศล ส่วนกรณีหญิงสาว 2 รายที่อยู่ในบันทึกประจำวันว่าเป็นผู้ยืนยันศพนางกันต์กนิษฐ์ ร่วมกับนายชาญชัย นั้น ยังไม่ทราบว่าเป็นใครซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างสืบหาตัวต่อไปเพราะถือว่าเป็นพยานปากสำคัญในคดีแจ้งความเท็จดังกล่าว

พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเอกสารต่างๆ ที่ตำรวจได้ตรวจยึดมาจากบ้านพักของ นางสุมลฑา ปรีดาเกียรติ เพื่อนคนสนิทของ นายชาญชัยใน ซอยวิภาวดี 20 นั้น ได้แยกเป็น 4 ส่วน โดยขณะนี้พบว่ามีเอกสารการทำประกันชีวิตหลายฉบับในชื่อของ นายพงศวิทย์ ซึ่งจะได้ทำหนังสือสอบถามไปยังบริษัทประกันชีวิตเหล่านั้นว่ามีการทำกรมธรรม์ไว้กี่ฉบับในวงเงินเท่าไหร่ อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า นายชาญชัยมีการใช้ชื่อบุคคลอื่นทั้งหมด 4 ชื่อ ประกอบด้วย นายวิชัย งามยิ่ง นายวิลาศ แซ่ล้อ นายสมพร มาลา และนายพงศวิทย์ ศรีวิทยพงศ์ โดยในส่วนของนายวิลาศ นั้น พบว่ามีตัวตนจริงอาศัยอยู่ใน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบปากคำ

พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ต้องหานั้น ขณะนี้ได้เร่งรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับข้าราชการตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับกลางที่เกี่ยวข้อง โดยจะทำหนังสือสอบถามไปยังผู้บังคับบัญชาของข้าราชการเหล่านี้เพื่อให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะกรณีการออกบัตรประชาชนที่มีการออกเลขประจำตัว 13 หลักซึ่งเป็นเลขใหม่แต่ชื่อและนามสกุลเป็นบุคคลเดียวกัน

“การดำเนินการต่างๆ ของกองปราบปราม ผมไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพียงแต่การทำงานในหลายขั้นตอนอาจเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะผู้ที่ร่วมวางแผนในการกระทำความผิดกับผู้ต้องหามีความรู้ในในหลบเลี่ยงถูกตรวจสอบของตำรวจเป็นอย่างดี” ผกก.5 บก.ป.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการ นายหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีด้วยนั้น พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ แต่ตำรวจยังคงสืบสวนในทางลึกอย่างต่อเนื่อง ขอเวลาทำงานสักระยะหนึ่งก่อนเพราะการกล่าวถึงบุคคลใดหากพยานหลักฐานไม่ชัดเจนเพียงพออาจได้รับผลเสียหายมากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น