สตูล – “รมว.ต่างประเทศ” นำคณะสำรวจการก่อสร้างถนนสตูล-เปอร์ลิส ซึ่งจะเป็นการเปิดประตู จ.สตูล สู่ประเทศมาเลเซียเส้นทางใหม่ รับปากชาวสตูลจะช่วยติดตามโครงการและหาช่องทางในการจัดหางบประมาณสนับสนุนหากไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม เผย ไม่สนการเปิดอภิปรายซักฟอกรัฐบาล เชื่อมั่นทำงานด้วยความจริงจังและจริงใจ พร้อมสอนมวย นปช.เคารพสิทธิ์การแสดงออก ไม่ใช่ข่มขู่คณะรัฐมนตรีขณะเดินทางไปราชการยังจังหวัดต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สตูล ว่า วันนี้ (15 ม.ค.) นายกษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะเดินทางไปดูความเป็นไปได้เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างถนนสตูล-เปอร์ลิส ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงระหว่าง จ.สตูล กับ รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะใช้งบประมาณการก่อสร้าง 6,000-10,000 ล้านบาท แล้วแต่ขนาดความกว้างของถนน
ทั้งนี้ จังหวัดสตูล เห็นว่า เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่จะใช้การเลี่ยงการกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นเส้นทางเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านให้ จ.สตูล เป็นเมืองเปิดสร้างงานสร้างรายได้สู่ภาคประชาชนนั้น โดยมี นายชูศักดิ์ มณีชยางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด และเหล่าหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ ที่ห้องประชุมโต๊ะพญาวัง ศาลากลางจังหวัด
ก่อนจะเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนกลุ่มผู้นำศาสนาที่มัสยิดมำบัง โดยระหว่างเดินทางเยี่ยมเยียนประชาชนอยู่นั้น มีกลุ่มสตรีสตูลและผู้นำศาสนาราว 20 คนได้ยื่นหนังสือและดอกไม้ให้ทาง รมว.ต่างประเทศช่วยผลักดันให้เกิดโครงการดังกล่าว จากนั้นคณะ รมว.ต่างประเทศ ได้เดินทางต่อไปยังท่าเทียบเรือและด่านศุลกากรตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล เพื่อศึกษาดูเส้นทางใช้เป็นจุดเชื่อมโยง โครงการก่อสร้างถนนจากท่าเทียบเรือตำมะลัง-เกาะปูยู และเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ซึ่งโครงการดังกล่าวคล้ายการก่อสร้างสะพานติณสูลานนท์ จ.สงขลา
นายกษิต เปิดเผยว่า ตนจะช่วยติดตามโครงการนี้ให้ และจะดูช่องทางในการจัดหางบประมาณ หากโครงการดังกล่าวไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายกษิต กล่าวถึงการเตรียมเปิดซักฟอกรัฐบาลของฝ่ายค้าน ว่า ไม่ห่วง และไม่มีปัญหาอะไร เพราะ 3 เดือนผ่านมารัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีนโยบายและมาตรการชัดเจน ทำจริงจังและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน อีกทั้งไม่มีปัญหาอันใดหากจะมีการเปิดซักฟอกรัฐบาลขึ้น
พร้อมกันนี้ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวถึงกลุ่ม นปช.ที่ออกมาขว้างขวด และไข่เน่ารถรองนายกรัฐมนตรี ว่า จะต่อต้านก็ต่อต้านไป และยังเห็นว่า คนที่จะต่อต้านต้องมีทางเลือกให้กับประชาชน แต่พวกที่ต่อต้านมาเพราะไม่ชอบหน้าตน หรือได้รับคำสั่งให้มาต่อต้านตนก็ไม่สะดุ้งสะเทือน และสงสัยว่าการต่อต้านทำไมต้องใช้ความรุนแรง เพราะนี่ไม่ใช่สิทธิ์เสรีภาพแต่เป็นการแสดงออกถึงการข่มขู่ อันนี้ไม่น่ารัก
