“มาร์ค” ตอกหน้า ตร.ยันคำรับสารภาพไม่ได้ฝึกใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมตามมาตรฐานสากล สะกิดต่อมสำนึก อย่าอ้างนโยบายจนตกเป็นเหยื่อ สอนมวย"ชายอำมหิต"นโยบายรัฐต้องนึกถึงความสูญเสียเป็นหลัก ชี้ 7 ตุลา จะไม่บานปลายหาก ตร.ไม่ใช้อาวุธ
วันนี้ (9 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างเดินทางไปยังสถาบันพัฒนาตุลาการศาลยุติธรรม เพื่อบรรยายเรื่องเศรษฐกิจกับการเมืองไทย ว่า เหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.ปัญหา คือ ขั้นตอนการดำเนินการขาดความชัดเจน และมีเรื่องร้องเรียนสอบอยู่ที่ป.ป.ช.กรรมการสิทธิฯ หรือใครก็ตาม เป็นคำถามว่า การใช้แก๊สน้ำตาในการสลายได้ทำถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ อย่างไร ซึ่งตนยังไม่ทราบผลสอบว่าเป็นอย่างไร ในส่วนของกรรมการสิทธิฯ ชี้มาแล้วเบื้องต้น แต่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ดำเนินการ หลักคือ ทุกคณะกรรมการที่สอบ แม้กระทั่งคณะกรรมการที่รัฐบาลชุดที่แล้วตั้งขึ้น ก็ชี้ไปในทางเดียวกันว่า จริงๆ แล้ว การใช้แก๊สน้ำตาจะต้องมีการฝึกอบรม และมีขั้นตอนที่ชัดเจน ซึ่งมีวิธีการสลายด้วยวิธีการอื่นๆ
โดย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะให้ตำรวจเปิดทางให้เข้าสภา แต่เพื่อไม่ดึงให้ท่านเข้าสู่ความขัดแย้ง จึงได้บอกให้ลองใช้เฉพาะโล่ กับพลังที่เกิดขึ้นจากจำนวนกำลังพล ซึ่งความจริงวันนั้น จำนวนเจ้าหน้าที่กับจำนวนผู้ชุมนุมเท่ากัน ประมาณฝ่ายละ 3 พัน โดยที่เราไม่ได้ให้ท่านถือกระบอง เพราะเกรงว่า เพียงแค่ท่านเงื้อแล้วรูปเผยแพร่ออกไป และเกิดมีใครหัวแตกขึ้นมา ท่านจะเป็นเหยื่ออีก ก็เลยให้ใช้วิธีถือโล่อย่างเดียว แต่ไม่สำเร็จ ประธานสภาจึงย้ายที่ประชุม นี่คือ ตัวอย่างวิธีการที่เราใช้บริหาร ซึ่งเราไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง แต่ไม่ได้หมายความว่า การสลายการชุมนุมจะไม่มีการทำเลย ต้องมี
“ในวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผมสอบถามตำรวจแล้วว่า หากใช้วิธีนี้มั่นใจหรือไม่ว่า ทำได้ตามมาตรฐานสากล เขาบอกว่า ยังไม่มั่นใจ เพราะยังไม่มีการฝึกมา อย่างที่จะทำให้มั่นใจได้ ผมบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช้ แต่ต้องเตรียมและทำให้พร้อมต่อไปในวันข้างหน้า นี่คือ แนวทางที่ผมคิดว่าจะช่วยให้ผู้ปฏิบัตงานได้ วันที่ 7 ต.ค.ที่คิดว่า เหตุการณ์ไม่ควรจะเกิด คือ ในช่วงเช้าที่มีคนขาขาด แต่ไม่มีใครเสียชีวิต และสิ่งที่สังคมยอมรับยาก คือ เมื่อเกิดเหตุการณ์และคนขาขาดในตอนเช้า กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในนโยบาย หรือการปฏิบัติในช่วงบ่าย ช่วงเย็น เป็นเหตุผลให้ทุกอย่างลุกลามบานปลายออกไป และมีความสูญเสียอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ฉะนั้น เชื่อว่า ถ้าฝ่ายนโยบายมีหลักคิดที่ต้องการจะปกป้องรักษาทั้งชีวิตของประชาชน และการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อย่างสมดุล และมีความกลัวตลอดเวลา ไม่อยากให้ปัญหาลุกลามบานปลาย คนที่ทำหน้าที่โดยสุจริต จะไม่มีใครเป็นเหยื่อ ผมยืนยันจะใช้แนวทางนี้ต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว