พัทลุง – สมาชิกกลุ่มออมทรัพย์บ้านเกาะไอ้เฒ่า หมู่ที่ 8 ตำบลพนมวังค์ อำเภอควนขนุน กว่า 50 คน ออกมาร้องเรียน หลังเงินจำนวนกว่า 4 ล้านบาทหาย แล้วคณะกรรมการไม่สามารภอธิบายได้
วันนี้ (13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง ว่า ที่สำนักงานพัฒนาชุมชน อำเภอควนควนขนุน จังหวัดพัทลุง ชาวบ้านกลุ่มสัจจะออมทรัพย์บ้านเกาะไอ้เฒ่า หมู่ที่ 8 ตำบลพนมวังค์ อำเภอควนขนุน กว่า 50 คน ได้รวมตัวยื่นหนังร้องเรียน แก่พัฒนาการอำเภอควนขนุน หลังจากที่ประธานกลุ่มไม่สามารถแจ้งยอดเงินในบัญชีจำนวนกว่า 4 ล้านบาท ที่หายไปจากบัญชีได้
นางอำพร ชูตรี อายุ 39 ปี แกนนำชาวบ้าน อยู่บ้านเลขที่ 242 หมู่ที่ 8 ตำบลพนมวังค์ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ประมาณเดือนตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา ตนและชาวบ้านมีความประสงค์ที่จะถอนเงินจากกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน แต่ทางคณะกรรมกลับบอกว่าอีก 3 เดือนค่อยมารับเงิน
ตนและชาวบ้านยิ่งเพิ่มความสงสัยว่าทำไมต้องรออีก 3 เดือน จึงได้สอบถามไปยังประธานคณะกรรมการกลุ่ม ซึ่งได้คำตอบว่าเงินในบัญชีทั้งหมดมีประมาณ 4 ล้านบาทเศษ แต่ยอดคงเหลือกลับเหลือเพียง 1 หมื่นเท่านั้น ในส่วนที่หายไปไม่ทราบว่าไปไหน และกรรมการชี้แจงไม่ได้
นางอำพร ยังกล่าวอีกว่า กลุ่มสัจจะออมทรัพย์บ้านเกาะไอ้เฒ่า เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2542 มีสมาชิกกว่า 400 ราย ล่าสุด สมาชิกกลุ่มกว่า 300 ราย ได้ทำเรื่องเพื่อขอถอนเงินออกจากกลุ่ม เนื่องจากไม่ไว้วางใจในการทำงานของคณะกรรมการดังกล่าว และหากชาวบ้านต้องการเงิน กรรมการระบุให้แจ้งความเอาเอง โดยปัดความรับผิดชอบ
ด้าน นายนิรัตน์ ฤทธิศักดิ์ พัฒนาการอำเภอควนขนุน กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาชุมชน มีหน้าที่โดยตรงในการเป็นพี่เลี้ยง คอยให้คำแนะนำแก่กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ต่างๆ ทั้งนี้ กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ในพื้นที่อำเภอควนขนุนมีทั้งหมด 72 กลุ่ม เงินทุนหมุนเวียนกว่า 360 ล้านบาท
สำหรับกรณีที่ชาวบ้านกลุ่มสัจจะออมทรัพย์บ้านเกาะไอ้เฒ่าร้องเรียนนี้ ทางตนมีความจำเป็นต้องลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน หากเป็นไปตามที่ชาวบ้านกล่าว ก็จะดำเนินการให้ผู้ที่ยักยอกเงินชาวบ้าน กลับมาชำระคืน หากไม่มีใครออกมารับผิดชอบทางตนพร้อมชาวบ้านก็จะเข้าแจ้งความดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดพัทลุงมีประมาณกว่า 550 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มอยู่ในภาวะเสียงต่อการล้มละลาย เนื่องจากพบว่ากรรมการส่วนหนึ่งได้ถอนเงินไปใช้จ่ายส่วนตัวโดยที่สมาชิกไม่ทราบ