พัทลุง – กรณีการประมูลสัมปทานรังนกอีแอ่นพัทลุง ศาลปกครองได้อ่านคำพิพากษาเรื่องอุทธรณ์ของกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และเปิดโอกาสให้คณะกรรมรังนกอีแอ่นจังหวัด ดำเนินการประมูลสัมปทานรังนกอีแอ่นตามขั้นตอน และคาดว่า จะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้
รายงานข่าวคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการรังนกอีแอ่น จังหวัดพัทลุง ยกร่างสัญญาและประกาศให้มีการประมูลสัมปทานจัดเก็บรังนกอีแอ่น บริเวณหมู่เกาะสี่เกาะห้า ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง แทนผู้สัมปทานรายเก่าที่สิ้นสุดสัญญาเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 และคณะกรรมการรังนกจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ต้องเปิดประมูลหาผู้สัมปทานรายใหม่มารับช่วงให้ได้ภายในวันที่ 1ตุลาคม 2551
อย่างไรก็ตาม การเปิดประมูลของคณะกรรมการก็เปิดขายซองได้เพียง 1 วัน ก็ถูกบริษัท เบสเนส จำกัด ยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองจังหวัดสงขลา โดยให้ส่งคำฟ้องว่า สัญญารังนกอีแอ่นของจังหวัดพัทลุง ไม่มีความเป็นธรรม เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนบางรายและกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานอย่างกระชั้นชิด
ในที่สุดศาลปกครองจังหวัดสงขลา ก็สั่งให้การคุ้มครองชั่วคราว ทำให้จังหวัดพัทลุงต้องเสียโอกาสและสูญเสียรายได้ไปเป็นจำนวนมาก และยังต้องใช้จ่ายงบประมาณเป็นค่าเฝ้าระวังความปลอดภัยเกาะรังนกอีแอ่นติดต่อกันมาแล้วเป็นเวลากว่า 4 เดือน
ต่อมาเมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (5 มี.ค.) นายกฤติพงษ์ คงแข็ง ปลัดจังหวัดพัทลุงและเลขาคณะกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า คณะกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการจากศาลปกครองสูงสุด ว่า ศาลได้อ่านคำพิพากษาเรื่องอุทธรณ์ของกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลจังหวัดสงขลา และเปิดโอกาสให้คณะกรรมรังนกอีแอ่นจังหวัด ดำเนินการประมูลสัมปทานรังนกอีแอ่นตามขั้นตอนตามที่คณะกรรมการกำหนดไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับสัญญาสัมปทานรังนก ที่ผ่านมติที่ประชุมของคณะกรรมการนั้น ได้เปลี่ยนแปลงราคากลางจาก 270 ล้านบาทเป็นเวลา 5 ปี ให้เป็นราคากลาง 627 ล้านบาท ให้สิทธิ์สัมปทานเก็บรังนกเป็นเวลา 7 ปี ให้ใช้เงินสดหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญา 75 เปอร์เซ็นต์ ผู้ประมูลได้จะต้องใช้เงินสดหรือหลักทรัพย์ประกันสัญญา 75 เปอร์เซ็นต์ของราคาประมูลจริง ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะที่ผ่านมาทางจังหวัดพัทลุงได้เปิดขายซองเพียงวันเดียว ก็มีบริษัทเอกชนให้ความสนใจ ซื้อซองไปแล้วจำนวน 2 บริษัท แต่ก็มีคำสั่งศาลปกครองจังหวัดสงขลาสั่งให้การคุ้มครองตามที่มีผู้ฟ้อง จังหวัดพัทลุงก็ต้องปิดขายซอง ซึ่งทำให้เสียเวลามาแล้วจำนวน 6 เดือน
หลังจากนี้ จะเร่งออกหนังสือให้ประธานกรรมการรังนกเรียกประชุมกรรมการ เพื่อกำหนดแนวทางเปิดให้มีการประมูลสัมปทานรังนกต่อไป และคาดว่า จะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้
ด้าน นายปรีดี (ส.จ.หริ่ง) มนตรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สอ.บจ.) เขต อ.บางแก้ว แกนนำเรียกร้องให้มีการเปิดประมูลรังนกอีแอ่นกล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีว่าศาลปกครองสูงสุดได้เปิดโอกาสให้จังหวัดพัทลุง ประมูลราคาจัดก็บรังนกอีแอ่น ซึ่งจะนำประโยชน์มาสู่ประชาชน และหลังจากนี้ก็จะสอบถามไปยังประธานกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัด เรื่องการฟ้องกลับบริษัทที่ทำให้จังหวัดพัทลุงเสียโอกาส และได้รับความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท ทางกรรมการจะต้องฟ้องกลับเอกชนด้วย
รายงานข่าวคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการรังนกอีแอ่น จังหวัดพัทลุง ยกร่างสัญญาและประกาศให้มีการประมูลสัมปทานจัดเก็บรังนกอีแอ่น บริเวณหมู่เกาะสี่เกาะห้า ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง แทนผู้สัมปทานรายเก่าที่สิ้นสุดสัญญาเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 และคณะกรรมการรังนกจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ต้องเปิดประมูลหาผู้สัมปทานรายใหม่มารับช่วงให้ได้ภายในวันที่ 1ตุลาคม 2551
อย่างไรก็ตาม การเปิดประมูลของคณะกรรมการก็เปิดขายซองได้เพียง 1 วัน ก็ถูกบริษัท เบสเนส จำกัด ยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองจังหวัดสงขลา โดยให้ส่งคำฟ้องว่า สัญญารังนกอีแอ่นของจังหวัดพัทลุง ไม่มีความเป็นธรรม เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนบางรายและกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานอย่างกระชั้นชิด
ในที่สุดศาลปกครองจังหวัดสงขลา ก็สั่งให้การคุ้มครองชั่วคราว ทำให้จังหวัดพัทลุงต้องเสียโอกาสและสูญเสียรายได้ไปเป็นจำนวนมาก และยังต้องใช้จ่ายงบประมาณเป็นค่าเฝ้าระวังความปลอดภัยเกาะรังนกอีแอ่นติดต่อกันมาแล้วเป็นเวลากว่า 4 เดือน
ต่อมาเมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (5 มี.ค.) นายกฤติพงษ์ คงแข็ง ปลัดจังหวัดพัทลุงและเลขาคณะกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า คณะกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการจากศาลปกครองสูงสุด ว่า ศาลได้อ่านคำพิพากษาเรื่องอุทธรณ์ของกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลจังหวัดสงขลา และเปิดโอกาสให้คณะกรรมรังนกอีแอ่นจังหวัด ดำเนินการประมูลสัมปทานรังนกอีแอ่นตามขั้นตอนตามที่คณะกรรมการกำหนดไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับสัญญาสัมปทานรังนก ที่ผ่านมติที่ประชุมของคณะกรรมการนั้น ได้เปลี่ยนแปลงราคากลางจาก 270 ล้านบาทเป็นเวลา 5 ปี ให้เป็นราคากลาง 627 ล้านบาท ให้สิทธิ์สัมปทานเก็บรังนกเป็นเวลา 7 ปี ให้ใช้เงินสดหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญา 75 เปอร์เซ็นต์ ผู้ประมูลได้จะต้องใช้เงินสดหรือหลักทรัพย์ประกันสัญญา 75 เปอร์เซ็นต์ของราคาประมูลจริง ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะที่ผ่านมาทางจังหวัดพัทลุงได้เปิดขายซองเพียงวันเดียว ก็มีบริษัทเอกชนให้ความสนใจ ซื้อซองไปแล้วจำนวน 2 บริษัท แต่ก็มีคำสั่งศาลปกครองจังหวัดสงขลาสั่งให้การคุ้มครองตามที่มีผู้ฟ้อง จังหวัดพัทลุงก็ต้องปิดขายซอง ซึ่งทำให้เสียเวลามาแล้วจำนวน 6 เดือน
หลังจากนี้ จะเร่งออกหนังสือให้ประธานกรรมการรังนกเรียกประชุมกรรมการ เพื่อกำหนดแนวทางเปิดให้มีการประมูลสัมปทานรังนกต่อไป และคาดว่า จะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้
ด้าน นายปรีดี (ส.จ.หริ่ง) มนตรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สอ.บจ.) เขต อ.บางแก้ว แกนนำเรียกร้องให้มีการเปิดประมูลรังนกอีแอ่นกล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีว่าศาลปกครองสูงสุดได้เปิดโอกาสให้จังหวัดพัทลุง ประมูลราคาจัดก็บรังนกอีแอ่น ซึ่งจะนำประโยชน์มาสู่ประชาชน และหลังจากนี้ก็จะสอบถามไปยังประธานกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัด เรื่องการฟ้องกลับบริษัทที่ทำให้จังหวัดพัทลุงเสียโอกาส และได้รับความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท ทางกรรมการจะต้องฟ้องกลับเอกชนด้วย
