ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผ่าซากลูกพะยูนที่ภูเก็ตไม่พบอาการป่วย เชื่อน่าจะเสียชีวิตจากเครื่องมือการทำประมง ขณะที่นายสัตวแพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ระบุ เท่าที่ผ่าซากพะยูนพบว่าส่วนใหญ่เสียชีวิตจากเครื่องมือประมง
นางสาวกาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการประมง หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนภูเก็ต กล่าวถึงผลการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเชียชีวิตของพะยูนที่พบในอ่างพังงา จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา และมีการผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตในวันนี้ ว่า พะยูนดังกล่าวเป็นพะยูนเพศเมีย ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 1 ปี ยาว 160 เซนติเมตร หนัก 86 กิโลกรัม
จากการผ่าพบว่า สภาพร่างกายยังมีความสมบูรณ์ ในกระเพาะยังมีอาหาร และนมอยู่ และไม่พบสาเหตุการป่วยที่จะทำให้เสียชีวิตได้ ในเบื้องต้นสันนิษฐาน ว่า น่าจะเกิดจากเครื่องมือการทำประมง โดยพะยูนว่ายไปติดเครื่องมือประมงและจมน้ำ จึงน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม สำหรับพะยูนตัวดังกล่าว พบว่า ยังอยู่ในสภาพที่สดทางศูนย์ จึงคิดว่าจะนำหนักของพะยูนมาสตัฟฟ์ เพื่อให้ประชาชนและนักเรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับพะยูนต่อไป
ด้าน น.สพ.สนธยา มานะวัฒนา เผยว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีการพบซากพะยูนเสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้นถึง 8 ตัว ซึ่งถือว่าเป็นสถิติการเสียชีวิตที่มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จากการผ่าชันสูตรซากพบว่าสาเหตุการตายไม่ได้เกิดจากอาการเจ็บป่วยของพะยูนเอง สันนิษฐานว่า เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือประมงของมนุษย์ และเท่าที่ผ่าซากพบว่าสุขภาพร่างกายโดยรวมยังสมบูรณ์แข็งแรง ในช่วง 24 ชม.ก่อนเสียชีวิตกินอาหารได้ตามปกติ
สาเหตุการตายเป็นการตายลักษณะที่ตายเฉียบพลัน ซึ่งเชื่อว่าน่าเกี่ยวกับเครื่องมือประมง ทั้งนี้ ในระยะนี้การเสียชีวิตของพะยูน ถือว่ามีปริมาณการเสียชีวิตที่น่าวิตก ซึ่งหากอัตราการตายของพะยูนยังสูงขึ้นเรื่อยๆ พะยูนในอ่าวพังงาหรือทะเลอันดามันอาจถึงขั้นที่สูญพันธุ์ได้ จำเป็นต้องมีมาตรการในการป้องกันไม่ให้พะยูนซึ่งเป็นสัตว์ทะเลที่หายากสูญพันธุ์ต่อไป
นางสาวกาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการประมง หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนภูเก็ต กล่าวถึงผลการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเชียชีวิตของพะยูนที่พบในอ่างพังงา จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา และมีการผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตในวันนี้ ว่า พะยูนดังกล่าวเป็นพะยูนเพศเมีย ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 1 ปี ยาว 160 เซนติเมตร หนัก 86 กิโลกรัม
จากการผ่าพบว่า สภาพร่างกายยังมีความสมบูรณ์ ในกระเพาะยังมีอาหาร และนมอยู่ และไม่พบสาเหตุการป่วยที่จะทำให้เสียชีวิตได้ ในเบื้องต้นสันนิษฐาน ว่า น่าจะเกิดจากเครื่องมือการทำประมง โดยพะยูนว่ายไปติดเครื่องมือประมงและจมน้ำ จึงน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม สำหรับพะยูนตัวดังกล่าว พบว่า ยังอยู่ในสภาพที่สดทางศูนย์ จึงคิดว่าจะนำหนักของพะยูนมาสตัฟฟ์ เพื่อให้ประชาชนและนักเรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับพะยูนต่อไป
ด้าน น.สพ.สนธยา มานะวัฒนา เผยว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีการพบซากพะยูนเสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้นถึง 8 ตัว ซึ่งถือว่าเป็นสถิติการเสียชีวิตที่มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จากการผ่าชันสูตรซากพบว่าสาเหตุการตายไม่ได้เกิดจากอาการเจ็บป่วยของพะยูนเอง สันนิษฐานว่า เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือประมงของมนุษย์ และเท่าที่ผ่าซากพบว่าสุขภาพร่างกายโดยรวมยังสมบูรณ์แข็งแรง ในช่วง 24 ชม.ก่อนเสียชีวิตกินอาหารได้ตามปกติ
สาเหตุการตายเป็นการตายลักษณะที่ตายเฉียบพลัน ซึ่งเชื่อว่าน่าเกี่ยวกับเครื่องมือประมง ทั้งนี้ ในระยะนี้การเสียชีวิตของพะยูน ถือว่ามีปริมาณการเสียชีวิตที่น่าวิตก ซึ่งหากอัตราการตายของพะยูนยังสูงขึ้นเรื่อยๆ พะยูนในอ่าวพังงาหรือทะเลอันดามันอาจถึงขั้นที่สูญพันธุ์ได้ จำเป็นต้องมีมาตรการในการป้องกันไม่ให้พะยูนซึ่งเป็นสัตว์ทะเลที่หายากสูญพันธุ์ต่อไป
