ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประเทศมาเลเซีย นำคนไทยทั้งชายและหญิง จำนวน 115 คนที่ถูกหลอก และหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่งกลับประเทศไทยทางด่านพรมแดนไทย มาเลเซีย ที่อ.สะเดา ตามโครงการพัฒนาความร่วมมือเพื่อป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ไทย-มาเลเซีย ภายใต้กิจกรรมคืนสู่เหย้าคนไทยในประเทศมาเลเซียกลับประเทศไทย
วันนี้ (23 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประเทศมาเลเซีย นำคนไทยทั้งชาย และหญิง จำนวน 115 คน ที่เข้าไปประสบชะตากรรมอยู่ในประเทศมาเลเซียทั้งกรณีการถูกหลอกจากขบวนการค้ามนุษย์ หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้าไปทำงาน ส่งกลับประเทศไทยทางด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา ตามโครงการพัฒนาความร่วมมือเพื่อป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ไทย-มาเลเซีย ภายใต้กิจกรรมคืนสู่เหย้าคนไทยในประเทศมาเลเซียกลับประเทศไทย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากวันพ่อถึงวันแม่ และพิธีเทศกาลงานบุญฮารีรายอของประเทศมาเลเซีย
ขณะเดียวกัน เป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมร่วมระหว่างทางการไทย และมาเลเซียเพื่อพัฒนาความร่วมมือในการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ไทย-มาเลเซีย เมื่อกลางเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านจนนำมาสู่กิจกรรมส่งกลับคนไทยทั้งหมด
ทั้งนี้ มีนายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.ต.ต.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และดาโต๊ะมา ฮามาส มูด บิน อาดัม อธิบดีศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองประเทศมาเลเซีย ร่วมเป็นประธานในการส่งมอบ ท่ามกลางความยินดีของทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้ยังได้มีการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและมาเลเซีย เพื่อพัฒนาความร่วมมือในการช่วยเหลือคนไทย ที่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และผู้ตกทุกข์ได้ยากให้ได้รับการคุ้มครองอย่างถูกต้องเป็นระบบ และอยู่บนหลักสิทธิมนุษยชน และพ.ร.บ.ป้องกันและปรามปรามการค้ามนุษย์ 2551 ของประเทศไทย และ ANTI-TRAFFICKING IN PERSONG ACT 2007 ของประเทศมาเลเซีย
จากข้อมูลของทางการไทย และองค์กรเอกชนพบว่า ระหว่างปี 2547-2551 มีหญิง และชายไทยเข้าออกมาเลเซียสูงถึง 600,000 คน และมีผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในมาเลเซียทั้งสิ้น 532 ราย เป็นคนไทย 83 ราย ที่เหลือเป็นคนลาว เวียดนาม กัมพูชา และชนกลุ่มน้อย
จากข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย พบว่า ตั้งแต่ปี 2004-2008 มีเด็กและผู้หญิงจำนวน 475 ราย ที่ตกเป็นผู้เสียหายและได้รับการช่วยเหลือออกจากสถานบริการ และสถานประกอบการในจำนวนนี้เป็นคนไทย 94 ราย โดยส่วนใหญ่จะถูกหลอกให้เข้าไปทำงานจากการถูกชักจูงอ้างว่าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและได้ค่าตอบแทนสูง แต่กลับถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ถูกทำร้ายและให้ทำงานใช้หนี้โดยที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน
