ชุมพร - นายก อบต.ในชุมพรแฉฮั้วทุจจริตนมโรงเรียนผู้อยู่เบื้องหลังมีผลประโยชน์เป็นพันล้านจากนมโรงเรียนทั่วประเทศ ยืนยัน อบต.ไม่ได้เปอร์เซ็นต์จากค่านมแม้แต่บาทเดียว
นายสุธรรม ทิพย์มโนสิงห์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปังหวาน อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร กล่าวว่า การจัดซื้อนมโรงเรียน ถือได้ว่าเป็นการบังคับให้ซื้อเพียง 2 บริษัทเท่านั้น ถึงแม้จะมีรายชื่อบริษัทให้ ขายได้ถึง 18 บริษัทก็ตาม แต่ในความเป็นจริง อีก 16 บริษัทนั้น เสมือนตั้งมาหลอกๆ เท่านั้น เพราะไม่เคยมีบริษัทอีก 16 บริษัท เดินทางมายื่นซองเพื่อขายนมโรงเรียนเลย แม้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะพยายามติดต่อแต่จะได้รับคำตอบว่า ได้มีการแบ่งโซนกันแล้ว
อีกทั้งบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ได้ตกลงแบ่งโซนก็มักเป็นหน่วยงานของทางราชการที่ไม่มีความสามารถด้านการบริหารจัดการส่งนมไปยังพื้นที่ และเมื่อถึงเวลาประมูลงานก็จะได้โรงเรียนเพียง 1-2 โรง ในบางอำเภอเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ อีกทั้งยังได้รับคำพูดเชิงข่มขู่เยาะเย้ยอีกว่า ให้ดิ้นรนไปหาบริษัทไหน ก็ไม่มีใครมาสนใจหรอก เค้าแบ่งเค้กกันเรียบร้อยแล้ว ทำให้จนใจที่จะดิ้นรน เพื่อหานมที่มีคุณภาพดีมาให้นักเรียน
“ผมมั่นใจว่าไม่มี อปท.ไหนได้เปอร์เซ็นต์ หรือคอมมิสชั่น จากบริษัทส่งนม เนื่องจากเป็นการล็อคสเปคมาจากเบื้องบนแล้ว มิหนำซ้ำในเวลาที่จะขอการสนับสนุนเกี่ยวกับกิจกรรมของโรงเรียนบ้างเล็กน้อย เช่น กีฬาสี ก็มักจะได้เสื้อนักกีฬา ราคาถูกๆ ให้แบบเสียไม่ได้ พวก อปท.ใน อ.พะโต๊ะ ยืนยันว่า ไม่เคยมีเงินเปอร์เซ็นต์ แม้แต่บาทเดียวจาก บริษัทส่งนมโรงเรียน ส่วนใครจะได้ ต้องให้หน่วยงานอื่นที่มีอำนาจสูง มาตรวจสอบ
ผมเคยคุยกับผู้บริการโรงเรียน หลายโรงเรียน ในพื้นที่ จ.ชุมพร เขต 2 ทราบว่า ในสมัยแรกๆ ที่ให้ พื้นที่เป็นผู้จัดซื้อเองนั้น สามารถบริหารการแจกนม ทำให้ได้นมมีคุณภาพ เด็กนักเรียนชอบดื่ม และได้ราคาถูกกว่า ท้องตลาดจนทำให้ มีเงินงบประมาณเหลืออีก เทอมละ 1-2 แสนบาทต่อโรงเรียน ลองคิดดูว่า ในแต่ละ อบต.มีโรงเรียน อย่างน้อย 4-5 แห่ง เมื่อรวมเงินที่เหลือจากการบริหารจัดการที่ดี อบต.หนึ่ง จะมีเงินเหลือ ถึง อบต.ละ 1ล้านบาท ถามว่าวันนี้เงินส่วนไหน หายไปไหน เมื่อคิดยอดรวมทั้งประเทศก็น่าจะเป็นเงิน หลายร้อยล้านบาท” นายสุธรรม กล่าว และว่า
อีกทั้งวันนี้ ราคานมโรงเรียนที่บริษัทส่งถูกกว่า ท้องตลาดในชนิด และปริมาณเท่ากันเพียงไม่กี่สตางค์เท่านั้น ถูกกว่าไม่ถึง 1 บาท แต่คุณภาพกลับแตกต่างกันมาก เมื่อคิดจากงบประมาณ หมื่นกว่าล้านและ ผู้ที่ได้ โควต้าในการส่งที่เป็นกลุ่มเดียวกัน แล้วคาดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง น่าจะ มีรายได้นับพันล้านบาททีเดียว แต่เด็กนักเรียนอนาคตของชาติ กลับไม่ได้ประโยชน์ จากการดื่มนมเท่าที่ควร
ด้านนายวิสาร หทัยธรรม ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 1 (ส.ป.ท.1) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมคณะ เดินทางไปยังโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร (สพท.ชพ.) เขต 2 รวม 2 โรง คือ โรงเรียนบ้านปากเลข หมู่ 10 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ในความดูแลของ อบต.พะโต๊ะ และโรงเรียนพัฒนาศึกษา หมู่ 5 ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ ซึ่งอยู่ในความดูแลของ อบต.ปากทรง เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับนมโรงเรียนที่กำลังมีปัญหาร้องเรียนว่าเป็นนมไม่มีคุณภาพ
นายวิสาร กล่าวว่า ป.ป.ท.เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับนมโรงเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในสังกัด สพท.ชพ.เขต 2 โดยเฉพาะประเด็นการจัดซื้อจัดจ้างโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับโรงเรียน และจะใช้เวลาในการเก็บข้อมูลใน จ.ชุมพร ประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้น จึงจะรวบรวมข้อมูลส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ส่วนประเด็นเรื่องคุณภาพของนมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ที่จะต้องส่งตัวอย่างไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ต่อไป ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้มูลได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ และในเบื้องต้นคาดว่าปัญหาอาจเกิดจากการจัดเก็บหรือเกิดจากการขนส่งที่ไม่ถูกต้อง
นายสุธรรม ทิพย์มโนสิงห์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปังหวาน อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร กล่าวว่า การจัดซื้อนมโรงเรียน ถือได้ว่าเป็นการบังคับให้ซื้อเพียง 2 บริษัทเท่านั้น ถึงแม้จะมีรายชื่อบริษัทให้ ขายได้ถึง 18 บริษัทก็ตาม แต่ในความเป็นจริง อีก 16 บริษัทนั้น เสมือนตั้งมาหลอกๆ เท่านั้น เพราะไม่เคยมีบริษัทอีก 16 บริษัท เดินทางมายื่นซองเพื่อขายนมโรงเรียนเลย แม้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะพยายามติดต่อแต่จะได้รับคำตอบว่า ได้มีการแบ่งโซนกันแล้ว
อีกทั้งบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ได้ตกลงแบ่งโซนก็มักเป็นหน่วยงานของทางราชการที่ไม่มีความสามารถด้านการบริหารจัดการส่งนมไปยังพื้นที่ และเมื่อถึงเวลาประมูลงานก็จะได้โรงเรียนเพียง 1-2 โรง ในบางอำเภอเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ อีกทั้งยังได้รับคำพูดเชิงข่มขู่เยาะเย้ยอีกว่า ให้ดิ้นรนไปหาบริษัทไหน ก็ไม่มีใครมาสนใจหรอก เค้าแบ่งเค้กกันเรียบร้อยแล้ว ทำให้จนใจที่จะดิ้นรน เพื่อหานมที่มีคุณภาพดีมาให้นักเรียน
“ผมมั่นใจว่าไม่มี อปท.ไหนได้เปอร์เซ็นต์ หรือคอมมิสชั่น จากบริษัทส่งนม เนื่องจากเป็นการล็อคสเปคมาจากเบื้องบนแล้ว มิหนำซ้ำในเวลาที่จะขอการสนับสนุนเกี่ยวกับกิจกรรมของโรงเรียนบ้างเล็กน้อย เช่น กีฬาสี ก็มักจะได้เสื้อนักกีฬา ราคาถูกๆ ให้แบบเสียไม่ได้ พวก อปท.ใน อ.พะโต๊ะ ยืนยันว่า ไม่เคยมีเงินเปอร์เซ็นต์ แม้แต่บาทเดียวจาก บริษัทส่งนมโรงเรียน ส่วนใครจะได้ ต้องให้หน่วยงานอื่นที่มีอำนาจสูง มาตรวจสอบ
ผมเคยคุยกับผู้บริการโรงเรียน หลายโรงเรียน ในพื้นที่ จ.ชุมพร เขต 2 ทราบว่า ในสมัยแรกๆ ที่ให้ พื้นที่เป็นผู้จัดซื้อเองนั้น สามารถบริหารการแจกนม ทำให้ได้นมมีคุณภาพ เด็กนักเรียนชอบดื่ม และได้ราคาถูกกว่า ท้องตลาดจนทำให้ มีเงินงบประมาณเหลืออีก เทอมละ 1-2 แสนบาทต่อโรงเรียน ลองคิดดูว่า ในแต่ละ อบต.มีโรงเรียน อย่างน้อย 4-5 แห่ง เมื่อรวมเงินที่เหลือจากการบริหารจัดการที่ดี อบต.หนึ่ง จะมีเงินเหลือ ถึง อบต.ละ 1ล้านบาท ถามว่าวันนี้เงินส่วนไหน หายไปไหน เมื่อคิดยอดรวมทั้งประเทศก็น่าจะเป็นเงิน หลายร้อยล้านบาท” นายสุธรรม กล่าว และว่า
อีกทั้งวันนี้ ราคานมโรงเรียนที่บริษัทส่งถูกกว่า ท้องตลาดในชนิด และปริมาณเท่ากันเพียงไม่กี่สตางค์เท่านั้น ถูกกว่าไม่ถึง 1 บาท แต่คุณภาพกลับแตกต่างกันมาก เมื่อคิดจากงบประมาณ หมื่นกว่าล้านและ ผู้ที่ได้ โควต้าในการส่งที่เป็นกลุ่มเดียวกัน แล้วคาดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง น่าจะ มีรายได้นับพันล้านบาททีเดียว แต่เด็กนักเรียนอนาคตของชาติ กลับไม่ได้ประโยชน์ จากการดื่มนมเท่าที่ควร
ด้านนายวิสาร หทัยธรรม ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 1 (ส.ป.ท.1) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมคณะ เดินทางไปยังโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร (สพท.ชพ.) เขต 2 รวม 2 โรง คือ โรงเรียนบ้านปากเลข หมู่ 10 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ในความดูแลของ อบต.พะโต๊ะ และโรงเรียนพัฒนาศึกษา หมู่ 5 ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ ซึ่งอยู่ในความดูแลของ อบต.ปากทรง เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับนมโรงเรียนที่กำลังมีปัญหาร้องเรียนว่าเป็นนมไม่มีคุณภาพ
นายวิสาร กล่าวว่า ป.ป.ท.เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับนมโรงเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในสังกัด สพท.ชพ.เขต 2 โดยเฉพาะประเด็นการจัดซื้อจัดจ้างโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับโรงเรียน และจะใช้เวลาในการเก็บข้อมูลใน จ.ชุมพร ประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้น จึงจะรวบรวมข้อมูลส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ส่วนประเด็นเรื่องคุณภาพของนมเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ที่จะต้องส่งตัวอย่างไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ต่อไป ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้มูลได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ และในเบื้องต้นคาดว่าปัญหาอาจเกิดจากการจัดเก็บหรือเกิดจากการขนส่งที่ไม่ถูกต้อง
