xs
xsm
sm
md
lg

แฉ “บิ๊กการเมือง” สุมหัวเขมือบนมเด็ก! ย่ามใจงาบ “โครงการเรียนฟรี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฉ “บิ๊กการเมือง” สุมหัวเขมือบ “นมเด็ก” หลังพบคำสั่งจาก “มหาดไทย” บีบ อปท.ให้จัดซื้อนมจาก “ผู้ประกอบการ” ที่ใช้นมผสมน้ำ ปูดซ้ำ “ขบวนการทุจริต” ย่ามใจลามปรามหากินกับ “โครงการเรียนฟรี” แต่ถูกขวางจึงถูกนำไปอภิปรายในสภา เตือน ขรก.นึกถึงประโยชน์ชาติมากกว่าบุญคุณ

วานนี้ (15 ก.พ.) นายสุธรรม นทีทอง เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการที่ตนลงพื้นที่ไปเปิดงานล่องแพพะโต๊ะที่ จ.ชุมพร เพื่อมอบนโยบายเรียนฟรีให้ครูใน อ.พะโต๊ะ รับทราบ และได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคและความทุกข์ของผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยนายบรรยงค์ ณธรรมะ ผอ.โรงเรียนปากเลข อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ได้ร้องเรียนว่าเด็กนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าวไม่ดื่มนมในโครงการโรงเรียนที่ภาครัฐนำมาแจก แม้ครูประจำชั้นจะพยายามขอร้องให้ดื่มเพื่อสุขภาพของเด็ก แต่ก็พบว่าเด็กยังนำไปแอบทิ้ง เมื่อถูกจับได้ก็บอกเหตุผลว่านมมีกลิ่น ไม่มีคุณภาพ ซึ่งนายบรรยงค์ได้ตรวจสอบโครงการนมโรงเรียนพบว่านมดังกล่าวไม่มีคุณภาพจริง และไม่ใช่นมสด 100 เปอร์เซ็นต์ตามนโยบาย แต่กลับนำหางนมมาผสมน้ำบรรจุถุงให้นักเรียนกิน สร้างความเดือดร้อนให้แก่เด็กและเยาวชน จนไม่รู้จะพึ่งพาใคร จึงได้มาร้องทุกข์ในที่ประชุม

“หลังจากรับทราบเรื่องได้ถามในที่ประชุม และสอบถามจากนายสมโภชน์ โชติชูช่วง นายอำเภอพะโต๊ะ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าอำนาจการจัดซื้อนมเป็นขององค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมทั้งได้ตามนายธนยศ พราหมนาเวศ นายกเทศมนตรีเทศบาลพะโต๊ะ และนายสุธรรม ทิพย์มโนสิง นายก อบต.ตังหวาน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงมาสอบถามถึงข้อเท็จจริงก็ได้รับการยืนยันว่า เคยได้รับการร้องเรียนในเรื่องดังกล่าวทั้งในเขตเทศบาล และ อบต. ซึ่งพบว่านมที่จัดหามาให้นักเรียนดื่มตามโครงการนมโรงเรียนเป็นนมไม่มีคุณภาพจริง ซึ่งทุกโรงเรียนในเขตรับผิดชอบก็พบปัญหานี้” นายสุธรรม ระบุ

เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า แม้ทั้ง 2 คนในฐานะผู้มีอำนาจในการสั่งซื้อได้พยายามเปลี่ยนบริษัทที่จัดหานมมาส่งให้โรงเรียน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีบริษัทอื่นขายให้ แม้นมในโครงการโรงเรียนจะมีราคาใกล้เคียงกับนมที่มีขายตามร้านโชวห่วย หรือร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีคุณภาพดีกว่า ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีหนังสือคำสั่งกำชับมาจากกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าให้ อปท.จัดซื้อเฉพาะบริษัทที่กำหนดมาให้เท่านั้น โดยนมในโครงการแบ่งเป็น นมพาสเจอไรซ์บรรจุถุง ราคาถุงละ 6.50 บาท นมกล่องยูเอชทีขนาดเล็ก กล่องละ 7.86 บาท และนมบรรจุถุงพลาสติก ถุงละ 7.67 บาท เมื่อเทียบราคากับนมที่มีขายในท้องตลาดยังมีราคาถูกกว่า

เลขาฯ รมว.ศึกษาฯ กล่าวต่อว่า จากที่ได้สอบถามจากนายสมโภชน์ ว่ามีหนังสือสั่งการมาจากกระทรวงมหาดไทยจริงหรือไม่ ก็พบว่ามีหนังสือคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรทางราชการจริง เป็นคำสั่งที่ มท.08934/ว. จากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2551 เรื่อง การจัดซื้ออาหารเสริมนมโรงเรียน ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ สรุปสาระเหตุผลว่า 1.คณะอนุกรรมการโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนมีมติเห็นชอบรับรองรายชื่อผู้ประกอบการแปรรูปนมที่มีสิทธิจำหน่ายนมในโครงการโรงเรียนจำนวน 68 ราย และให้ อปท.ทั่วประเทศที่ได้รับงบประมาณในโครงการดังกล่าวจัดซื้อนมจาก 68 รายนี้เท่านั้น 2.แบ่งพื้นที่ทั่วประเทศออกเป็น 3 โซนคือ 1.พื้นที่ภาคเหนือจัดซื้อได้ 17 จังหวัด 2.พื้นที่ภาคตะวันตกและภาคใต้ 22 จังหวัด และ3.ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง 37 จังหวัด

“3.มีข้อตกลงกำชับมาด้วยว่าผู้ประกอบการนมจะไม่ดำเนินคดี หรือเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จาก อปท. และ 4.ให้ อปท.ส่งสำเนาสัญญาการซื้อขายไปให้สำนักงานปกครองส่วนท้องถิ่นประจำจังหวัดรวบรวม เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบของคณะกรรมการ ซึ่งในท้ายหนังสือคำสั่งดังกล่าวลงชื่อ นายสุกิจ เจริญรัตนกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น” นายสุธรรม ระบุ

นายสุธรรม กล่าวอีกว่า ทั้งนายธนยศ และนายสุธรรมได้บอกข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้จะมีรายชื่อผู้ประกอบการจัดส่งนม 68 ราย แต่ในความจริงในทางปฏิบัติกลับพบว่ามีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนๆ เพื่อขายนมให้แก่โรงเรียนต่างๆ เป็นเขตใครเขตมัน ห้ามซื้อขายข้ามเขต เสมือนเป็นการล็อคสเป็คนม ล็อคบริษัทที่ผลิตนม รวมถึงการแบ่งจัดสรรพื้นที่หากินกับนมโรงเรียน ซึ่งคาดว่าน่าจะทำเป็นกระบวนการเขมือบนมโรงเรียนแล้วแบ่งกันหากินอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ตั้งแต่นักการเมืองระดับใหญ่ในรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยมีการสั่งการให้ข้าราชการในสังกัดเป็นเครื่องมือในการทำมาหากินกับนมเด็ก โดยไม่คำนึงถึงการเจริญเติบโต และอนาคตของเด็ก เยาวชนของชาติ” เลขาฯ รมว.ศึกษาฯ กล่าว

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ภายหลังจากพบข้อมูลดังกล่าว ยังพบอีกว่าขบวนการดังกล่าวพยายามเข้ามาหากินในกระทรวงศึกษาธิการเช่นเดียวกัน โดยนักการเมืองเก่าๆ พยายามส่งคนของตัวเองเข้ามาติดต่อเสนอโครงการเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ โดยได้พยายามเสนอให้กระทรวงศึกษาขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ จัดพิมพ์ทั้งหนังสือเรียน เครื่องแบบนักเรียน โดยเน้นที่จะให้มาตรฐาน มอก. หลังจากนั้นก็คงจะใช้วิธีการแบ่งโซนเช่นเดียวกับขบวนการเขมือบนมโรงเรียน แต่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ รู้ทัน จึงได้มีคำสั่งห้ามผู้บริหารในกระทรวงศึกษาทุกระดับ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดจ้าง รวมถึงการล็อคสเป็คในทุกเรื่อง โดยปล่อยให้โรงเรียนต่างๆ เป็นผู้ดำเนินการเอง พร้อมกำชับให้ผู้ปกครองและนักเรียนในโรงเรียนนั้นๆ เข้ามามีส่วนร่วมจนทำให้นักการเมืองเก่าๆ ไม่พอใจจึงนำเรื่องนี้ไปอภิปรายในสภาฯ เพราะเป็นการเสียผลประโยชน์

“ขณะที่ผมอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร ก็ได้มีการตรวจสอบไปยังโรงเรียนในเขตอำเภออื่นๆ ทั้งจังหวัดแล้วก็พบว่า มีพฤติกรรมถูกเขมือบนมเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตนจะตรวจสอบในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป และจะนำเรื่องเรียนต่อรมว.ศึกษาให้รับทราบ เพื่อให้ประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยให้ทำการติดตาม ตรวจสอบกระบวนการทุจริตเขมือบนม โดยจะเสนอกวาดล้างการทุจริตในโครงการต่างๆ ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาที่ยังมีพฤติกรรมเป็นมรดกบาปตกทอดมาถึงรัฐบาลชุดนี้ ฉะนั้นขอเตือนให้ข้าราชการทุกระดับว่า รัฐบาลก็เปลี่ยนแปลงแล้ว ข้าราชการอย่ามัวแต่หากินเปอร์เซ็นต์และส่งผลประโยชน์ให้นักการเมืองเก่าอยู่เลย บุญคุณที่เขาแต่งตั้งให้มีตำแหน่งควรจะจบสิ้นได้แล้ว และควรหันมาทำงานให้ชาติบ้านเมืองพัฒนาก้าวหน้าไปกว่านี้จะดีกว่า” เลขาฯ รมว.ศึกษาฯ กล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น