สุราษฎร์ธานี - กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ประกาศปิดอ่าวไทย ห้ามใช้เครื่องมือทำประมงบางชนิดฤดูปลาวางไข่และเลี้ยงตัววัยอ่อน พื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เป็นเวลา 3 เดือน
นายสายันต์ เอี่ยมรอด ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี บริเวณทะเลอ่าวไทยเขตท้องที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นแหล่งสัตว์น้ำบางชนิดวางไข่ และอาศัยเลี้ยงตัววัยอ่อน โดยเฉพาะสัตว์น้ำประเภทที่เป็นทรัพยากรสัตว์น้ำที่มีคุณค่าและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย
ปัจจุบันปรากฏว่าชาวประมงได้พัฒนา และดัดแปลงเครื่องมือทำการประมงบางประเภทให้มีประสิทธิภาพในการจับพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และสัตว์น้ำในวัยอ่อน เพื่อให้สัตว์น้ำเหล่านี้คงความสมบูรณ์สามารถใช้ประโยชน์อย่างยังยืนตลอดไป กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงออกประกาศปิดอ่าว ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15 พฤษภาคมของทุกปี
โดยกำหนดพื้นที่ตั้งแต่ปลายแหลมเขาหม่องไล่ เขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงมาจังหวัดชุมพร และสุราษฎร์ธานี โดยมีการอนุญาตให้ชาวประมงพื้นบ้านออกทำการจับสัตว์น้ำได้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงพื้นบ้าน ที่ประสบภัยธรรมชาติ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้มีประกาศกำหนดห้ามมิไห้บุคคลหนึ่งบุคคลใดใช้เครื่องมือทำการประมงดังต่อไปนี้
1.เครื่องมืออวนลากทุกชนิดที่ใช้ประกอบกับเรือกล ยกเว้น เครื่องมืออวนลากที่ใช้ประกอบกับเรือกลลำเดียว ที่มีขนาดความยาวเรือไม่เกิน 16 เมตร ให้ทำการประมงได้เฉพาะในเวลากลางคืน ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้น
2.เครื่องมืออวนติดตาที่ใช้ประเภทกับเรือกล ทำการประมงด้วยวิธีการล้อมติดปลาทู หรือ ด้วยวิธีอื่นที่คล้ายคลึงกัน 3.เครื่องมืออวนล้อมจับทุกชนิดที่ใช้ประกอบกับเรือกล
4.เครื่องมืออวนครอบ อวนซ้อน หรืออวนยก ที่ใช้ประกอบกับเครื่องมือกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) ทำการประมงปลากะตัก
5.เครื่องมืออวนรุนที่ใช้ประกอบกับเรือกลที่มีขนาดความยาวเรือเกินกว่า 14 เมตรขึ้นไป
6.ห้ามอวนติดตาทุกชนิด ที่ใช้ประกอบกับเรือกลทำการประมง ยกเว้น ข้อ ก.เรือยนต์เพลาใบจักรยาว (เรือหางยาว) ทำการประมงได้ตลอด
ข้อ ข.เรือกลที่วางเครื่องกลางลำไม่มีเก๋ง (หลังคา) หนักขนาดความยาวเรือไม่เกิน 14 เมตร ทำการประมงได้ตลอด ข้อ ค.เรือกล และเครื่องมือกว๊านช่วยในการทำประมง โดยใช้อวนที่มีขนาดความลึกไม่เกิน 70 ช่องตาอวน ความยาวไม่เกิน 4,000 เมตร ให้ทำการประมงได้ในช่วง 15 เมษายนถึง 15 พฤษภาคมของทุกปี
หากผู้ใดผู้ฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 32 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมริบของกลาง