ปัตตานี – ศอ.บต.ระบุผลการวิจัย นักเรียนพยาบาลทั้ง 3,000 คนที่เรียนทั่วทั้งประเทศ มีประสิทธิภาพพอให้การรักษาประชาชน หลังมีข่าวลือว่าหลังการจบการศึกษาของนักเรียนชุดนี้ ประชาชนไม่มีความมั่นใจที่จะไปรับบริการจากพยาบาลชุดดังกล่าว
วันนี้ (12 ก.พ.) นางมยุเรศ อร่ามรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ฝ่ายสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากกรณีที่หวั่นเกรงว่านักเรียนพยาบาล 3,000 คนจาก 3 จ.ชายแดนภาคใต้ที่ได้รับการสนับสนุนจาก ศอ.บต.และกระทรวงสาธารณสุขให้ศึกษาอยู่ในวิทยาลัยพยาลบาลทั่วประเทศ จะจบออกมาอย่างไร้ประสิทธิภาพ จนมีการลือว่า จะไม่มีประชาชนเข้ารับการดูแลรักษาจากพยาบาลชุดดังกล่าวเมื่อเรียนจบเข้าทำงานนั้น
จากข้อมูลงานวิจัยล่าสุด ทางผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลทุกแห่งที่รับนักศึกษา 3,000 คนยืนยันว่า นักเรียนพยาบาลจาก 3 จ.ชายแดนภาคใต้สามารถปรับตัวจนมีประสิทธิภาพการศึกษาวิชาพยาบาลเทียบเท่ากับนักเรียนพยาบาลทั่วไปแล้ว อันเป็นผลมาจากการที่คณะอาจารย์ และเพื่อนรุ่นพี่ในสถาบันให้ความช่วยเหลือสอนพิเศษเพิ่มเติมให้ จนนักเรียนพยาบาลจากชายแดนภาคใต้ สามารถศึกษาได้ในระดับเดียวกับนักเรียนทั่วไปซึ่งทางผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลต่างๆยืนยันว่าเด็กที่จะจบออกมาในปี 2554 จะมีคุณภาพเท่ากับเด็กปกติ เพราะไม่เช่นนั้นจะส่งผลต่อผู้เข้ารับการรักษามีความเสี่ยง
“เราทำวิจัยออกมา ตอนนี้นักเรียนพยาบาล 3,000 คน มีผลการเรียนปรับตัวได้แล้ว หลังจากที่ได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดจากครู อาจารย์ และเพื่อนหรือพี่นักเรียนที่ช่วยน้อง จึงขอประชาชนมั่นใจ ไม่ใช่จะลือกันว่าจะไม่รับการรักษากับพยาบาล 3,000 คน” ผู้ช่วย ผอ.ศอ.บต. กล่าวและว่า
ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่านักเรียนพยาบาลจากจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเด็กพิเศษที่อาจจะมีผลการศึกษาที่ต่ำกว่าเด็กจากพื้นที่อื่น แต่จากการปรับตัวและได้รับการดูแลเอาใจใส่ทั้งเรื่องการเรียนการสอน การจัดวิถีชีวิตความเป็นอยู่สอดรับกับวิถีมุสลิมของเด็กพื้นที่จึงมีการปรับตัวในทางที่ดีขึ้น ซึ่งทาง ศอ.บต.จะติดตามนักเรียนทุกคนอย่างใกล้ชิด และจะจัดจัดหาตำแหน่งบรรจุเป็นข้าราชการให้กับนักเรียนพยาบาล 3,000 คน จากจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อเรียนจบด้วย
นางมยุเรศ กล่าวอีกว่า การพัฒนาด้านสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีชายแดนติดต่อกับเพื่อนบ้านคือ ประเทศมาเลเซียนั้น ต้องยอมรับว่าหากเปรียบเทียบกันแล้ว งานสาธารณสุขประชาชนตามแนวชายแดนภาคใต้ ยังคงห่างไกลกับประเทศเพื่อนบ้านมาเลเซียเป็นสิบปี แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นก็ถือได้ว่างานสาธารณสุขชายแดนภาคใต้ของไทย ยังมีศักยภาพก้าวหน้ามากกว่าประเทศพม่า หรือประเทศลาว
แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีการพัฒนางานสาธารณสุขในชายแดนภาคใต้ให้มากยิ่งขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนในพื้นที่ จะรู้สึกถึงความแตกต่างกับประเทศเพื่อนบ้านจนเกิดความรู้สึกเหลื่อมล้ำในมาตรฐานการดำรงชีวิต ซึ่งจากการที่ตนได้หารือกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็พร้อมจะสนับสนุนงานสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ให้มากยิ่งขึ้น
โดยขณะนี้ก็ได้มีนโยบายในการสนับสนุนงบประมาณให้กับเจ้าหน้าที่ อสม. รวมถึงการจัดสรรงบประมาณเพื่อการปรับปรุงอาคารด้านล่างของสถานีอนามัยให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ
