ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ICTจัดถ่ายทอดความรู้หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หวังนำมาเป็นแนวทางในทางประยุกต์ใช้กับภาครับและเอกชน
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ห้องประชุมหลวงอนุภาษมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนา โครงการสร้างความรู้ความเข้าใจ และสนับสนุนการปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 สำหรับผู้ดูแลระบบ Basic Radius Configuration การติดตั้งใช้งาน Authentication Gateway ตลอดจนมีการจัดระดมสมอง เกี่ยวกับ Sever Log Management /Log Redirect / Log Rotate และ Centralize log Management
ซึ่งผลจากการระดมสมองในครั้งนี้ จะนำมาเป็นแนวทางในการปรับประยุกต์ใช้กับภาครัฐและเอกชนได้เป็นอย่างดี โดยมีผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจำนวนประมาณ 100 คน
นายวินัย อยู่สบาย ผู้อำนวยการสำนักกำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ปัจจุบันพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2550 โดยมีองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติฯ แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจต่อพระราชบัญญัติฯฉบับนี้
สำนักกำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศฯ จึงมอบหมายให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้ดำเนินโครงการ “สร้างความรู้ความเข้าใจและสนับสนุนการปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550” เพื่อให้ผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของแต่ละหน่วยงานเข้าใจวิธีการเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Traffic Data) ที่ถูกต้องตามมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และเพื่อเป็นการเสริมสร้างความตระหนัก ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทราบถึงวิธีดำเนินการในการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายวินัย กล่าว่า สำหรับการอบรมดำเนินการครอบคลุมทั้ง 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ให้บริการภาคเอกชน และผู้ให้บริการภาครัฐ โดยมุ่งเป้าหมายการเสริมสร้างความรู้ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการจัดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์อย่างถูกต้อง การป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การป้องกันการทำลาย การแก้ไข การเปลี่ยนแปลงข้อมูล โดยมิชอบ และแนวทางในการจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ตามพระราชบัญญัติฯ ตลอดจนบทบาทหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ
ด้าน นายสมิทธิ์ กล่าวว่า การจัดสัมมนาดังกล่าวเพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์ในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้มีการพัฒนากลไกและมาตรการในการสร้างความรู้ความเข้าใจและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายขึ้น ในหลากหลายรูปแบบ หลายช่องทาง เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มบุคคลทุกภาคส่วนของสังคมที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาคกระบวนการยุติธรรม ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา เด็ก เยาวชน และภาคประชาชน เพราะผลจากการบังคับใช้กฎหมายนั้น ส่งผลต่อสังคมในภาพรวมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
โดยเฉพาะกรณีของบุคคลซึ่งอาจเป็นเหยื่อ จากการกระทำความผิดตามกฎหมายและต้องการให้มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว หรือองค์กรและบุคคลทั่วไปเกือบทุกวัยที่อาจจำเป็นต้องจัดระเบียบ วินัย หรือกติกา ในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ให้มั่นคงปลอดภัยหรือด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ห้องประชุมหลวงอนุภาษมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนา โครงการสร้างความรู้ความเข้าใจ และสนับสนุนการปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 สำหรับผู้ดูแลระบบ Basic Radius Configuration การติดตั้งใช้งาน Authentication Gateway ตลอดจนมีการจัดระดมสมอง เกี่ยวกับ Sever Log Management /Log Redirect / Log Rotate และ Centralize log Management
ซึ่งผลจากการระดมสมองในครั้งนี้ จะนำมาเป็นแนวทางในการปรับประยุกต์ใช้กับภาครัฐและเอกชนได้เป็นอย่างดี โดยมีผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจำนวนประมาณ 100 คน
นายวินัย อยู่สบาย ผู้อำนวยการสำนักกำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ปัจจุบันพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2550 โดยมีองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติฯ แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจต่อพระราชบัญญัติฯฉบับนี้
สำนักกำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศฯ จึงมอบหมายให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้ดำเนินโครงการ “สร้างความรู้ความเข้าใจและสนับสนุนการปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550” เพื่อให้ผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของแต่ละหน่วยงานเข้าใจวิธีการเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Traffic Data) ที่ถูกต้องตามมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และเพื่อเป็นการเสริมสร้างความตระหนัก ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทราบถึงวิธีดำเนินการในการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายวินัย กล่าว่า สำหรับการอบรมดำเนินการครอบคลุมทั้ง 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ให้บริการภาคเอกชน และผู้ให้บริการภาครัฐ โดยมุ่งเป้าหมายการเสริมสร้างความรู้ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการจัดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์อย่างถูกต้อง การป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การป้องกันการทำลาย การแก้ไข การเปลี่ยนแปลงข้อมูล โดยมิชอบ และแนวทางในการจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ตามพระราชบัญญัติฯ ตลอดจนบทบาทหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ
ด้าน นายสมิทธิ์ กล่าวว่า การจัดสัมมนาดังกล่าวเพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์ในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้มีการพัฒนากลไกและมาตรการในการสร้างความรู้ความเข้าใจและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายขึ้น ในหลากหลายรูปแบบ หลายช่องทาง เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มบุคคลทุกภาคส่วนของสังคมที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาคกระบวนการยุติธรรม ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา เด็ก เยาวชน และภาคประชาชน เพราะผลจากการบังคับใช้กฎหมายนั้น ส่งผลต่อสังคมในภาพรวมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
โดยเฉพาะกรณีของบุคคลซึ่งอาจเป็นเหยื่อ จากการกระทำความผิดตามกฎหมายและต้องการให้มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว หรือองค์กรและบุคคลทั่วไปเกือบทุกวัยที่อาจจำเป็นต้องจัดระเบียบ วินัย หรือกติกา ในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ให้มั่นคงปลอดภัยหรือด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
