เอเอฟพี - คุณเคยมองเห็นรถกำลังส่งยิ้มหรือโปรยปรายสายตาเศร้าให้หรือไม่ ผลวิจัยใหม่ชี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่จะมองเห็นแววหวานแหวว ดุดัน หรืออารมณ์ต่างๆ จากหน้ารถ เนื่องจากคนเราติดที่จะสำรวจตรวจตราใบหน้าของคนอื่นเพื่อค้นหานัยแอบแฝง
มนุษย์เราไม่ต่างจากสัตว์ ที่พัฒนาความสามารถในการอ่านความคิดของเป้าหมายเพียงชั่วมองแค่แวบเดียว
นักวิจัยแจกแจงว่า การมองหน้าคนอื่นเพียงเสี้ยววินาทีเพียงพอแล้วที่จะตัดสินว่าคนๆ นั้นเป็นศัตรูหรือมีน้ำใจ เป็นคนแข็งกระด้างหรือโอบอ้อมอารี เพราะนี่คือกลไกการอยู่รอดที่ถ่ายทอดมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
เพื่อศึกษาว่าปฏิกิริยานี้ครอบคลุมถึงรถยนต์ด้วยหรือไม่ ทีมนักวิจัยที่นำโดยคาร์ล แกรมเมอร์ จากมหาวิทยาลัยเวียนนา ออสเตรีย ได้ขอให้ผู้ใหญ่ 40 คนที่ปะปนระหว่างหญิงกับชายในสัดส่วนเท่ากัน ให้คะแนนด้านหน้าของรถ 38 รุ่นที่จำหน่ายอยู่ในขณะนี้ โดยที่รถทั้งหมดสีเดียวกัน
ขั้นแรกนักวิจัยจำแนก ‘สีหน้า’ ของรถโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์และเปรียบเทียบกับรูปแบบการตรวจสอบและให้คะแนนใบหน้าคน ซึ่งจะระบุสัดส่วนของความเป็นชายหรือความเป็นหญิง รวมถึงอารมณ์ต่างๆ โดยอิงกับขนาดและตำแหน่งของเครื่องเคราบนใบหน้า
จากนั้น นักวิจัยขอให้อาสาสมัครให้คะแนน ‘หน้า’ รถยนต์โดยแบ่งออกเป็น 19 ข้อ อาทิ ดูเด็กหรือแก่ เป็นมิตรหรือศัตรู บึกบึนหรือบอบบาง หยิ่งทะนง มีความสุข หวาดกลัว หรือก้าวร้าว เป็นต้น
อาสาสมัครยังถูกถามว่าหน้ารถเหมือนใบหน้าหรือไม่ และถ้าคำตอบคือใช่ คำถามต่อไปคือเหมือนใบหน้าคนหรือสัตว์ สุดท้ายคือการเลือกรถรุ่นที่ชอบ
ผลปรากฏว่าอาสาสมัครกว่า 1 ใน 3 บอกว่ารถ 90% ทำให้มองแล้วนึกถึงใบหน้า และอาสาสมัครทั้งหมดบอกว่าไฟหน้าของรถเหมือน ‘ตา’ และหน้าหม้อน้ำชั้นนอกเหมือน ‘ปาก’
ผลศึกษาที่อยู่ในวารสารฮิวแมน เนเจอร์ฉบับประจำสัปดาห์นี้ยังระบุว่า การให้คะแนนอารมณ์จากหน้ารถสอดคล้องกับคะแนนที่ระบบคอมพิวเตอร์ให้เป็นส่วนใหญ่
สำหรับรถยอดนิยม อาสาสมัครทั้งหญิงและชายแสดงออกชัดเจนถึงความเชื่อมโยงระหว่างรถยนต์กับลักษณะของชายชาตรี ความเด็ดขาด หยิ่งทะนง และกราดเกรี้ยว ซึ่งนักวิจัยให้ความหมายรวมกันว่าหมายถึง ‘พลังอำนาจ’
รถเหล่านี้มีฝากระโปรงหน้ากว้างและคล้อยต่ำคล้ายคนขากรรไกรเหลี่ยมและกรามนูนเป็นสันที่ฉายชัดถึงความเป็นชายชาตรี
สุดยอดรถ ‘ทรงพลัง’ ในการจัดอันดับครั้งนี้คือ บีเอ็มดับเบิลยู และไครสเลอร์ 300C
ในทางกลับกัน รถที่ดูอ่อนเยาว์และเป็นมิตรที่สุดคือ ไมครารุ่นใหม่ของนิสสัน, นิวบีทเทิลของโฟลค์สวาเก้น และเกีย ปิคันโต
นักวิจัยอธิบายว่า แนวโน้มในการตีความหน้ารถอาจเป็นผลจากกลยุทธ์การจัดการที่ผิดพลาด ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการพลาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับใบหน้า
ทฤษฎีข้อผิดพลาดในการจัดการนี้พิจารณาจากผลของการตัดสินที่ผิดพลาด ซึ่งในแง่ของวิวัฒนาการนั้น ใบหน้าถือเป็นดัชนีที่บ่งชี้แนวโน้มอันตรายได้รวดเร็วที่สุด
สำหรับขั้นตอนต่อไปอาจมีการศึกษาว่า ทัศนคติเกี่ยวกับ ‘ใบหน้า’ ของรถยนต์ส่งผลต่อการซื้อรถและพฤติกรรมการขับรถอย่างไร ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักการตลาด รวมถึงเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนนของผู้ขับขี่เอง
มนุษย์เราไม่ต่างจากสัตว์ ที่พัฒนาความสามารถในการอ่านความคิดของเป้าหมายเพียงชั่วมองแค่แวบเดียว
นักวิจัยแจกแจงว่า การมองหน้าคนอื่นเพียงเสี้ยววินาทีเพียงพอแล้วที่จะตัดสินว่าคนๆ นั้นเป็นศัตรูหรือมีน้ำใจ เป็นคนแข็งกระด้างหรือโอบอ้อมอารี เพราะนี่คือกลไกการอยู่รอดที่ถ่ายทอดมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
เพื่อศึกษาว่าปฏิกิริยานี้ครอบคลุมถึงรถยนต์ด้วยหรือไม่ ทีมนักวิจัยที่นำโดยคาร์ล แกรมเมอร์ จากมหาวิทยาลัยเวียนนา ออสเตรีย ได้ขอให้ผู้ใหญ่ 40 คนที่ปะปนระหว่างหญิงกับชายในสัดส่วนเท่ากัน ให้คะแนนด้านหน้าของรถ 38 รุ่นที่จำหน่ายอยู่ในขณะนี้ โดยที่รถทั้งหมดสีเดียวกัน
ขั้นแรกนักวิจัยจำแนก ‘สีหน้า’ ของรถโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์และเปรียบเทียบกับรูปแบบการตรวจสอบและให้คะแนนใบหน้าคน ซึ่งจะระบุสัดส่วนของความเป็นชายหรือความเป็นหญิง รวมถึงอารมณ์ต่างๆ โดยอิงกับขนาดและตำแหน่งของเครื่องเคราบนใบหน้า
จากนั้น นักวิจัยขอให้อาสาสมัครให้คะแนน ‘หน้า’ รถยนต์โดยแบ่งออกเป็น 19 ข้อ อาทิ ดูเด็กหรือแก่ เป็นมิตรหรือศัตรู บึกบึนหรือบอบบาง หยิ่งทะนง มีความสุข หวาดกลัว หรือก้าวร้าว เป็นต้น
อาสาสมัครยังถูกถามว่าหน้ารถเหมือนใบหน้าหรือไม่ และถ้าคำตอบคือใช่ คำถามต่อไปคือเหมือนใบหน้าคนหรือสัตว์ สุดท้ายคือการเลือกรถรุ่นที่ชอบ
ผลปรากฏว่าอาสาสมัครกว่า 1 ใน 3 บอกว่ารถ 90% ทำให้มองแล้วนึกถึงใบหน้า และอาสาสมัครทั้งหมดบอกว่าไฟหน้าของรถเหมือน ‘ตา’ และหน้าหม้อน้ำชั้นนอกเหมือน ‘ปาก’
ผลศึกษาที่อยู่ในวารสารฮิวแมน เนเจอร์ฉบับประจำสัปดาห์นี้ยังระบุว่า การให้คะแนนอารมณ์จากหน้ารถสอดคล้องกับคะแนนที่ระบบคอมพิวเตอร์ให้เป็นส่วนใหญ่
สำหรับรถยอดนิยม อาสาสมัครทั้งหญิงและชายแสดงออกชัดเจนถึงความเชื่อมโยงระหว่างรถยนต์กับลักษณะของชายชาตรี ความเด็ดขาด หยิ่งทะนง และกราดเกรี้ยว ซึ่งนักวิจัยให้ความหมายรวมกันว่าหมายถึง ‘พลังอำนาจ’
รถเหล่านี้มีฝากระโปรงหน้ากว้างและคล้อยต่ำคล้ายคนขากรรไกรเหลี่ยมและกรามนูนเป็นสันที่ฉายชัดถึงความเป็นชายชาตรี
สุดยอดรถ ‘ทรงพลัง’ ในการจัดอันดับครั้งนี้คือ บีเอ็มดับเบิลยู และไครสเลอร์ 300C
ในทางกลับกัน รถที่ดูอ่อนเยาว์และเป็นมิตรที่สุดคือ ไมครารุ่นใหม่ของนิสสัน, นิวบีทเทิลของโฟลค์สวาเก้น และเกีย ปิคันโต
นักวิจัยอธิบายว่า แนวโน้มในการตีความหน้ารถอาจเป็นผลจากกลยุทธ์การจัดการที่ผิดพลาด ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการพลาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับใบหน้า
ทฤษฎีข้อผิดพลาดในการจัดการนี้พิจารณาจากผลของการตัดสินที่ผิดพลาด ซึ่งในแง่ของวิวัฒนาการนั้น ใบหน้าถือเป็นดัชนีที่บ่งชี้แนวโน้มอันตรายได้รวดเร็วที่สุด
สำหรับขั้นตอนต่อไปอาจมีการศึกษาว่า ทัศนคติเกี่ยวกับ ‘ใบหน้า’ ของรถยนต์ส่งผลต่อการซื้อรถและพฤติกรรมการขับรถอย่างไร ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักการตลาด รวมถึงเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนนของผู้ขับขี่เอง
