ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องทุกภาคส่วนระดมความคิดเห็นเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
นายทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดในฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งประกอบด้วยภูเก็ต พังงาและจังหวัดกระบี่ว่า เดิมจังหวัดภูเก็ตถือเป็นตลาดทางด้านการท่องเที่ยวตลาดเดียว ที่มีการนำเสนอขายในตลาดท่องเที่ยวโลกมานานกว่า 20 ปี มาแล้ว
แต่ปัจจุบันได้มีการรวมเอาจังหวัดพังงาและจังหวัดกระบี่ เข้ามารวมเป็นตลาดเดียวกับจังหวัดภูเก็ต หรือกลุ่มตลาดอันดามัน ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยวในภาพรวม ส่งผลให้ตลาดกลุ่มอันดามันมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงเป็นแสนล้านบาท เพราะฉะนั้นจึงมีความจำเป็นที่กลุ่มจังหวัดอันดามันจะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และการจัดการในลักษณะของกลุ่มจังหวัดหรือยุทธศาสตร์ของจังหวัดที่มีความสำคัญ ซึ่งภาพนี้ ต้องมีความชัดเจน
ทั้งนี้ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎรกล่าวด้วยว่าในปีนี้โดยนโยบายของรัฐบาลจะกำหนดกลุ่มจังหวัดให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นและจัดตั้งเป็นคณะกรรม การกลุ่มจังหวัดเพื่อให้การหางบประมาณมาสนับสนุนกลุ่มจังหวัด มีแนวทางที่ไม่หลุดกรอบ เพราะ ฉะนั้นถ้าภาคส่วนราชการใดต้องการงบประมาณต้องศึกษาเรื่องของการพัฒนากลุ่มจังหวัดให้ชัดเจน มิฉะนั้นแล้วจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเลย สำหรับแนวทาง ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีความเห็นด้วยเป็นอย่างมากและเชื่อว่าวิถีทางแบบนี้จะไม่มีการพัฒนาแบบสะเปะสะปะอีกต่อไป
นอกจากนี้ ในส่วนที่สองอยากจะให้จังหวัดให้ความสำคัญกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแต่ละจังหวัดมากขึ้น เพื่อที่จะศึกษาแนวทางไปร่วมกันและตัดสินใจที่จะพัฒนาแนวทางของจังหวัดไปร่วมกัน เนื่องจากว่า ทางจังหวัดเองอาจจะได้รับข้อมูลจากภาคส่วนราชการต่างๆ รวมทั้ง ขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับต่างๆ ที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ได้รับข้อมูลจากประชาชนมาอีกรูปแบบหนึ่ง
ดังนั้น ความหลากหลายของข้อมูลจึงเป็นประโยชน์ในการกำหนดยุทธศาสตร์จังหวัดและเมื่อ ยุทธศาสตร์จังหวัดที่ได้รับการสรุปหรือเห็นชอบจากทุกภาคส่วนแล้ว จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนรวมทั้งประชาชนในท้องถิ่น จึงขอความกรุณาจากทางจังหวัดทั้งจังหวัดภูเก็ต พังงา และจังหวัดกระบี่ว่าหาหนทางที่จะพบปะพูดคุยกันในระดับตัวแทนประชาชนและส่วนราชการอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง เพื่อจะเห็นแนวทางร่วมกันแล้วก็จะได้ให้ความเห็นในการจัดทำงบประมาณในปี 2553 ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในระดับกระทรวงกำลังนำเสนออยู่แล้ว คงไม่สายจนเกินไป เพราะได้กำหนดเอาไว้แล้วว่า สิ้นเดือนมกราคม กระทรวงต่างๆ จะต้องเสนอรัฐบาลแล้ว จึงเป็นจังหวะและโอกาสที่ดีที่จะมาถึงในระดับสายงานของนิติบัญญัติ ที่จะต้องศึกษาและให้ความเห็นชอบต่อไป
นายทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดในฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งประกอบด้วยภูเก็ต พังงาและจังหวัดกระบี่ว่า เดิมจังหวัดภูเก็ตถือเป็นตลาดทางด้านการท่องเที่ยวตลาดเดียว ที่มีการนำเสนอขายในตลาดท่องเที่ยวโลกมานานกว่า 20 ปี มาแล้ว
แต่ปัจจุบันได้มีการรวมเอาจังหวัดพังงาและจังหวัดกระบี่ เข้ามารวมเป็นตลาดเดียวกับจังหวัดภูเก็ต หรือกลุ่มตลาดอันดามัน ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยวในภาพรวม ส่งผลให้ตลาดกลุ่มอันดามันมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงเป็นแสนล้านบาท เพราะฉะนั้นจึงมีความจำเป็นที่กลุ่มจังหวัดอันดามันจะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และการจัดการในลักษณะของกลุ่มจังหวัดหรือยุทธศาสตร์ของจังหวัดที่มีความสำคัญ ซึ่งภาพนี้ ต้องมีความชัดเจน
ทั้งนี้ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎรกล่าวด้วยว่าในปีนี้โดยนโยบายของรัฐบาลจะกำหนดกลุ่มจังหวัดให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นและจัดตั้งเป็นคณะกรรม การกลุ่มจังหวัดเพื่อให้การหางบประมาณมาสนับสนุนกลุ่มจังหวัด มีแนวทางที่ไม่หลุดกรอบ เพราะ ฉะนั้นถ้าภาคส่วนราชการใดต้องการงบประมาณต้องศึกษาเรื่องของการพัฒนากลุ่มจังหวัดให้ชัดเจน มิฉะนั้นแล้วจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเลย สำหรับแนวทาง ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีความเห็นด้วยเป็นอย่างมากและเชื่อว่าวิถีทางแบบนี้จะไม่มีการพัฒนาแบบสะเปะสะปะอีกต่อไป
นอกจากนี้ ในส่วนที่สองอยากจะให้จังหวัดให้ความสำคัญกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแต่ละจังหวัดมากขึ้น เพื่อที่จะศึกษาแนวทางไปร่วมกันและตัดสินใจที่จะพัฒนาแนวทางของจังหวัดไปร่วมกัน เนื่องจากว่า ทางจังหวัดเองอาจจะได้รับข้อมูลจากภาคส่วนราชการต่างๆ รวมทั้ง ขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในระดับต่างๆ ที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ได้รับข้อมูลจากประชาชนมาอีกรูปแบบหนึ่ง
ดังนั้น ความหลากหลายของข้อมูลจึงเป็นประโยชน์ในการกำหนดยุทธศาสตร์จังหวัดและเมื่อ ยุทธศาสตร์จังหวัดที่ได้รับการสรุปหรือเห็นชอบจากทุกภาคส่วนแล้ว จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนรวมทั้งประชาชนในท้องถิ่น จึงขอความกรุณาจากทางจังหวัดทั้งจังหวัดภูเก็ต พังงา และจังหวัดกระบี่ว่าหาหนทางที่จะพบปะพูดคุยกันในระดับตัวแทนประชาชนและส่วนราชการอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง เพื่อจะเห็นแนวทางร่วมกันแล้วก็จะได้ให้ความเห็นในการจัดทำงบประมาณในปี 2553 ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในระดับกระทรวงกำลังนำเสนออยู่แล้ว คงไม่สายจนเกินไป เพราะได้กำหนดเอาไว้แล้วว่า สิ้นเดือนมกราคม กระทรวงต่างๆ จะต้องเสนอรัฐบาลแล้ว จึงเป็นจังหวะและโอกาสที่ดีที่จะมาถึงในระดับสายงานของนิติบัญญัติ ที่จะต้องศึกษาและให้ความเห็นชอบต่อไป