xs
xsm
sm
md
lg

นร.พิการสู้ชีวิตอยากเป็นครู วอน “รมว.สธ.” ช่วยเหลือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - เผยสุดยอดนักเรียนพิการสู้ชีวิตอาศัยอยู่กับยายชรา อายุ 21 ปี เพิ่งเรียน ม.3 ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ-ฝันอยากเรียนจบ ป.ตรี และอยากเป็นครู วอน “หมอน้อย” รมว.สาธารณสุข เข้าช่วยเหลือ

วันนี้ (29 ม.ค.) นายทศพล สุขเกื้อ ประธานกองทุนหมู่ ม.2 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือกับผู้สื่อข่าวเพื่อขอให้เปิดเผยกรณี น.ส.สิริภา สิทธิการ อายุ 21 ปี นักเรียนพิการเรียนอยู่ชั้น ม.3/1 โรงเรียนเฉลิมราชประชาอุทิศ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้พิการและประสบปัญหาชีวิตอย่างรุนแรง

โดยนายทศพล เปิดเผยว่า น.ส.สิริภา อาศัยอยู่กับนางหนูเพี้ยม วิจารณ์ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 2 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ที่แก่ชราและฐานะยากจน และไม่ได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาทางกองทุนได้ให้การช่วยเหลือมอบทุนการศึกษาให้ น.ส.สิริภา ปีละ 1,000-1,200 บาทในวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คือ นายวิทยา แก้วภราดัย เป็นคนนครศรีธรรมราช อยากให้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของ น.ส.สิริภา ด้วย

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังโรงเรียนเฉลิมราชประชาอุทิศ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของ น.ส.สิริภา ประมาณ 500 เมตร พบ น.ส.สิริภา กำลังเรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียนตามปกติ จึงแจ้งขออนุญาตอาจารย์ผู้สอนขอพบ น.ส.สิริภา เพื่อสอบถามรายละเอียดเรื่องราวชีวิตรันทดของ น.ส.สิริภา และได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ผู้สอนเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน อาจารย์กฤษณา เกิ้นโนนกอก และอาจารย์ถวิล แซ่เดี่ยว อาจารย์ที่ปรึกษา และอาจารย์คนอื่นๆ ทราบเรื่องจึงเข้ามาร่วมให้รายละเอียดต่อผู้สื่อข่าวด้วย

น.ส.สิริภา สิทธิการ เปิดเผยว่า หลังจากตนคลอดออกมาอายุได้ 2 ขวบครึ่งก็ล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ พ่อและแม่จึงนำเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง ในเบื้องต้นแพทย์สงสัยว่าตนป่วยเป็นโรคไข้สมองอักเสบ จึงทำการเจาะกระดูกไขสันหลังเพื่อนำน้ำในกระดูกไขสันหลังไปตรวจหาเชื้อแต่ปรากฏว่าไม่พบเชื้อใดๆ ซึ่งผลจากการเจาะไขสันหลังทำให้ตนกลายเป็นคนพิการขาซ้ายเล็กลีบ ในขณะที่พ่อกับแม่ก็แยกทางกันโดยนำตนมาให้นางหนูเพี้ยมเลี้ยงดูมาจนถึงปัจจุบันนี้

“หนูเพิ่งได้เข้าสู่ระบบการเรียนเมื่ออายุ 11 ปี โดยครั้งแรกคุณครูจินตนา สุขเกื้อ และคุณครูวัลภาพร เพชรขาวช่วย ซึ่งสอนอยู่โรงเรียนวัดแพร่ ได้ช่วยเหลือให้ตนมีโอกาสเข้าเรียนในระดับชั้น ป.1 เมื่อจบชั้น ป.6 จึงมาสมัครสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเฉลิมราชประชาอุทิศ จนในปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.3 การเรียนอยู่ในระดับดีได้เกรดเฉลี่ย 3.15 ซึ่งทางโรงเรียนทั้งอาจารย์และเพื่อนๆ ให้การช่วยเหลือตนเป็นอย่างดี โดยในการเดินไปกลับระหว่างบ้านกับโรงเรียนนั้นตนจะนั่งรถ 3 ล้อโยกสำหรับผู้พิการ โดยจะมี น.ส.พัชรินทร์ เยี่ยมสวัสดิ์ ซึ่งเป็นญาติกัน และเรียนห้องเดียวกันและเพื่อนๆ ในกลุ่ม 3-4 คน คอยช่วยเข็นผ่อนแรง”

นักเรียนสาวพิการยอดนักสู้กล่าวอีกว่า ตนตั้งใจและใฝ่ฝันจะเรียนให้จนจบปริญญาตรีและอยากเป็นครู แต่เนื่องจากตนมีฐานะยากจนอาศัยอยู่กับยายซึ่งแก่ชราไม่ได้ทำงานทำการอะไร จะมีก็เพียงน้าที่คอยส่งเงินให้ใช้จ่ายพอประทังชีวิตไปวันๆ ตนจึงไม่มั่นใจว่าจะทำความฝันให้เป็นจริงได้หรือไม่

ที่ผ่านมาจึงพยายามที่จะหารายได้พิเศษด้วยการเขียนเรียงความส่งเข้าประกวด เคยได้รับรางวัลจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก 10,000 บาท หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 5,000 บาท และได้รับการช่วยเหลือจากอาจารย์ธัญลักษณ์ สุจิพงศ์ อาจารย์ฝ่ายส่งเสริมกิจกรรมพิเศษของโรงเรียนช่วยพาไปอบรมฝึกอาชีพอิสระ เช่น การทำน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ เป็นต้น เงินที่ได้มาก็จะเก็บสั่งสมไว้โดยการฝากธนาคารเพื่อเป็นทุนการศึกษาต่อไป

ในขณะที่นางหนูเพี้ยม วิจารณ์ ยายของ น.ส.สิริภา เปิดเผยว่า น.ส.สิริภา เป็นลูกของบุตรสาวของตนคนที่ 3 โดยหลังจาก น.ส.สิริภา กลายเป็นเด็กพิการบุตรสาวของตนก็แยกทางกับสามี ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบครึ่ง ส่วนบุตรสาวของตนก็ไปมีครอบครัวและเดินทางมาเยี่ยมตนและ น.ส.สิริภา เป็นประจำ แต่พ่อของ น.ส.สิริภา ไม่เคยเหลียวแล น.ส.สิริภา แม้แต่น้อย

หลายครั้ง น.ส.สิริภา จะบ่นกับตนด้วยความน้อยใจว่าพ่อเขาจะมาสนใจใยดีอะไรกับเด็กพิการ แม้ น.ส.สิริภา จะพิการแต่ก็จะขยันช่วยทำงานบ้าน กลับมาจากโรงเรียนก็จะล้างจาน กวาดขยะ หลังจากนั้นก็จะทำการบ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ

“ฉันเป็นห่วงอนาคตของหลานเป็นอย่างมาก ในบางครั้งก็บ่นอยากพบพ่อ ทั้งฉันและ น.ส.สิริภา ได้จดทะเบียนคนชรา และผู้พิการกับทางราชการแล้ว โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอบรถ 3 ล้อโยกให้ น.ส.สิริภา 1 คัน แต่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือใดๆ เลย โดยเฉพาะเงินช่วยเหลือผู้พิการรายเดือนก็ไม่ได้รับ ฉันอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ใจบุญได้ยื่นมือมาช่วยเหลือ น.ส.สิริภา ให้มีอนาคตที่ดีเป็นไปตามความใฝ่ฝัน ฉันจะได้หมดห่วงและนอนตายตาหลับ” นางเพี้ยม กล่าวในที่สุด

กำลังโหลดความคิดเห็น