ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – เวทีเสวนา “ ทำไมประปาหาดใหญ่ต้องให้เอกชนผลิต?” จุดชนวนความคิดให้ภาคประชาชนร่วมตระหนักถึงผลกระทบของการว่าจ้างเอกชนสอยผลประโยชน์ในการประปาหาดใหญ่ ทั้งผลกำไร การใช้ทรัพย์สิน และแบกรับความเสี่ยงทางการดำเนินธุรกิจ แถมต้องนำเงินภาษีของประชาชนใส่เพิ่มอีกเดือนละกว่า 800,000 บาท ชี้ผู้บริหารจงใจเลี่ยงกฎหมายสอดไส้แปรรูป สะท้อนการทำงานที่ไร้วิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหา หากไม่มีวิธีอื่นลดต้นทุนการผลิตแนะลาออกเปิดโอกาสคนเก่งเข้ามาแทนดีกว่า เตรียมนำเรื่องร้องเรียนยื่นให้ ส.ส.และ ส.ว.สงขลา เพื่อช่วยเหลือให้น้ำประปายังเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
พลันผู้บริหารจากการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) มีโครงการจ้างเอกชนมาบริหารจัดการผลิตน้ำประปาให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค หาดใหญ่ ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่สังคมใน จ.สงขลา มีความตื่นตัวเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา เปิดเวที “ทำไมประปาหาดใหญ่ต้องให้เอกชนผลิต?” เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ณ ลานประวัติศาสตร์ สถานีรถไฟหาดใหญ่ โดยนักวิชาการ พนักงานสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคหาดใหญ่ และประชาชน ซึ่งจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงและทางอ้อม ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
พธม.สงขลาแถลงการณ์คัดค้านเต็มรูปแบบ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา ซึ่งเกิดขึ้นด้วยพลังของกลุ่มคนทุกภาคส่วนในสังคมเป็นศูนย์กลางการติดตามความคืบหน้า และนำข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเปิดวงเสวนา พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1/2552 ทำไมน้ำประปาหาดใหญ่ต้องให้เอกชนผลิต
ทั้งนี้ เนื่องจากได้พิจารณาและศึกษาข้อมูลของโครงการแล้วเห็นว่า ที่ผ่านมาการประปาส่วนภูมิภาคได้ว่าจ้างและทำสัญญาให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินการผลิตน้ำประปาให้แก่การประปาส่วนภูมิภาคมาแล้วในหลายพื้นที่ จนส่งผลให้การประปาส่วนภูมิภาคเกิดความเสียหายมาแล้วมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท โดยเอกชนไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ แต่ส่วนที่เสียหายไปกลับต้องนำเงินภาษีอากรของพี่น้องประชาชนมาชดเชย
นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่ให้เอกชนใช้ดำเนินการทั้งหมดเป็นของการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งใช้เงินภาษีอากรของพี่น้องประชาชนทั้งชาติมาสร้าง แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์กลับเป็นบริษัทเอกชน โดยประชาชนผู้ใช้น้ำไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการว่าจ้างเอกชนในครั้งนี้
อีกทั้งการประปาส่วนภูมิภาคยังต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้แก่เอกชนตลอดโครงการ เฉลี่ยเดือนละ 879,981 บาท ซึ่งเงินจำนวนที่เพิ่มขึ้นนี้คือเงินภาษีอากรของพี่น้องประชาชน
การดำเนินการของเอกชนซึ่งเป็นบริษัทที่แสวงหาผลกำไร ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ค่าน้ำประปาจะไม่แพงขึ้นในอนาคต
แม้ว่าเป้าหมายการดำเนินการของเอกชน อยู่ที่การทำให้ต้นทุนในการผลิตต่ำสุด แต่ให้ได้ผลกำไรสูงที่สุด ดังนั้นจึงส่งผลกระทบกับคุณภาพของน้ำประปาที่ผลิตได้อย่างแน่นอน โดยจะทำให้พี่น้องประชาชนในฐานะผู้ใช้น้ำย่อมได้รับบริการน้ำประปาคุณภาพต่ำตามไปด้วย
จากข้อมูลดังกล่าว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจ.สงขลา จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันคัดค้าน และร่วมกันเรียกร้องให้ผู้บริหารการประปาส่วนภูมิภาค ยกเลิกโครงการแปรรูปการประปาหาดใหญ่ รวมถึงการประปาในพื้นที่อื่นๆ ที่จะมีตามมาอีก เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากโครงการนี้จนถึงที่สุด
จวกผู้บริหารประปาฯสอดไส้เลี่ยงแปรรูป
ด้าน นพ.อนันต์ บุญโสภณ ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจของไทยเริ่มเข้ามาเมื่อ 10 ปีก่อน หลังจากที่ไทยต้องเป็นหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF ซึ่งเมื่อประเทศลูกหนี้ใดก็ตามที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ก็จะถูกบีบบังคับให้นำรัฐวิสาหกิจมาแปรรูปเพื่อตัดภาระของรัฐบาล และสร้างกำไรให้แก่กลุ่มทุนทั้งในและนอกประเทศ ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย การแปรรูปในหลายกิจการที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนและความมั่นคงของชาติ และขัดต่อข้อกฎหมายของไทย ทำให้รัฐบาลซึ่งบริหารโดย นายชวน หลีกภัย ในขณะนั้นต้องออกกฎหมาย 11 ฉบับ เพื่อรองรับการแปรรูปที่จะเกิดขึ้นตามข้อบังคับของ IMF หรือที่เรียกกันว่า “กฎหมายขายชาติ” ซึ่งแม้รัฐบาลจะยุบพรรคและเปิดทางให้พรรคไทยรักไทยเข้ามาบริหารต่อ แต่ผลของกฎหมายก็ยังอยู่จนถึงขณะนี้
นพ.อนันต์ กล่าวต่อด้วยว่า รัฐวิสาหกิจที่รัฐเป็นเจ้าของนั้นจะเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะบริการพื้นฐานที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน เช่น กิจการรถไฟ ไฟฟ้า น้ำประปา หากตกอยู่ในการดูแลของเอกชนประชาชนจะต้องได้รับความเดือดร้อนโดยตรง อาจมีการปรับเปลี่ยนราคาที่สูงขึ้น และการที่กิจการเหล่านี้ต้องขาดทุนบ้างแต่เป็นเพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เข้าถึงบริการ
ดังนั้น การที่จะว่าจ้างให้เอกชนเข้ามาผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้แก่สำนักงานประปาหาดใหญ่ จะส่งกระทบต่อประชาชนโดยตรงในอนาคต โดยในระยะยาวคุณภาพของประปาลดต่ำลงอย่างแน่นอน เพราะการให้เอกชนเข้ามารับจ้างต่อ นั่นหมายถึงผลกำไรเป็นที่ตั้ง และจะมีการปรับราคาให้สูงขึ้นด้วยข้ออ้างต่างๆ อย่างแน่นอน
“ในขั้นต้นอ้างว่า โครงการดังกล่าวมาจากนโยบายของรัฐบาล หรือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ โดยให้เหตุผลว่าเอกชนจะเข้ามาแล้วจะผลิตในต้นทุนที่ต่ำกว่าการประปาทำ และมี 11 แห่ง ที่ให้เอกชนทำไปแล้วและขาดทุนดังที่ชี้แจง การจะเดินหน้าต่อเขาจึงต้องปรับใหม่โดยทำสัญญาให้สั้นลงเหลือ 3 ปี ให้ข้อมูลด้านเดียวว่าหากดูแลกิจการไม่ดี รัฐบาลก็นำกิจการกลับ แต่ไม่ได้พูดถึงผลกระทบว่าข้อผูกมัดในสัญญาทำให้รัฐเสียเปรียบทั้งสิ้น ทั้งหมดเป็นการแหกตาประชาชน และเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการแปรรูปแต่ใช้วิธีที่หลีกเลี่ยงเพราะติดข้อกฎหมาย” นพ.อนันต์กล่าว
หวั่นแปรรูปประปาเปิดศึกชิงทรัพยากรน้ำ
รศ.ดร.เริงชัย ตันสกุล กรรมาธิการวุฒิสภาศึกษาลุ่มน้ำอู่ตะเภา เปิดเผยถึงกระบวนการผลิตน้ำประปาใน อ.หาดใหญ่ ว่าน้ำสายหลักที่การประปาหาดใหญ่ ดึงมาผลิตเป็นน้ำประปามาจากต้นน้ำอู่ตะเภา ซึ่งเป็นต้นน้ำสายหลักของชาวหาดใหญ่ จากที่ตนเฝ้าศึกษาภาวะน้ำที่ผ่านมา ต้นน้ำอู่ตะเภาในตอนนี้ถูกทำลายลงมาก
สาเหตุหลักมาจากการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมบริเวณใกล้เคียงกับต้นน้ำ มีการปล่อยน้ำเสียจากโรงงานลงสู่แม่น้ำลำคลอง และชุมชนต้นน้ำเองก็ไม่ช่วยกันอนุรักษ์น้ำ ปล่อยของเสียลงสู่แม่น้ำลำคลอง และเมื่อมีของเสียสะสมอยู่ในแม่น้ำลำคลองเยอะ ต่อไปในอนาคตเราอาจจะเข้าสู่ภาวะขาดเเคลนน้ำจืดก็เป็นได้ และเข้าสู่ภาวการณ์แย่งชิงทรัพยากรน้ำในที่สุด ทั้งในส่วนของการผลิตประปาเพื่อเลี้ยงคนเมือง การเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ยิ่งมีการแปรรูปธุรกิจน้ำซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตประจำวัน จะยิ่งทำให้ประชาชนผู้ยากจนเข้าถึงน้ำได้ยากขึ้น เช่นในกรณีที่ประเทศอาร์เจนตินา มีแม่ลูกคู่หนึ่งนอนกอดกันตาย เพราะไม่มีเงินซื้อน้ำประทังชีวิต
“ในเรื่องน้ำประปาไม่ใช่เรื่องของการประปาฯเพียงอย่างเดียว มีหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ เมื่อบริษัทเอกชนเข้ามาดูแลเรื่องการผลิตน้ำประปา จะไม่มีการดูแลในเรื่องระบบนิเวศ บริเวณป่าต้นน้ำ เรื่องสภาพป่าต้นน้ำที่ถูกบุกรุก เรื่องของเสียที่ถูกปล่อยลงแม่น้ำ และเมื่อน้ำในแม่น้ำเกิดการเน่าเสียเยอะต้นทุนในการผลิตน้ำประปาก็จะสูงขึ้น ทางด้านชุมชนก็มีส่วนเกี่ยวข้องที่ต้องช่วยกันดูแลต้นน้ำ ก่อนที่ค่าน้ำประปาจะสูงขึ้น และกรณีที่การประปาฯจะว่าจ้างบริษัทเอกชนมาผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเรียกร้องได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน” อ.เริงชัยกล่าว
พลัง ปชช.เตรียมโยนลูก ส.ส.-ส.ว.สงขลา
ด้าน นายสุมิตร นวลมณี ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่รับทราบมาเป็นการภายในพบว่า การจ้างเอกชนเข้ามาดำเนินงานในการผลิตน้ำประปาหาดใหญ่ จะทำให้การประปาฯ มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเฉลี่ยเดือนละ 800,000 กว่าบาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังต้องจ้างพนักงานฝ่ายผลิตแต่ในการทำงานจริงที่เปิดทางเอกชนเข้ามา ทำให้ต้องโยกย้ายไปตำแหน่งอื่นๆ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความถนัด
ดังนั้น ประชาชนชาวหาดใหญ่ เมืองสงขลา และนาหม่อม ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำประปา และประชาชนที่ทราบเรื่องนี้ จะร่วมกันรักษาทรัพย์สินสาธารณะอันเกิดจากภาษีอากรทุกบาททุกสตางค์ ทั้งการให้เอกชนเข้ามาใช้สถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มาจากภาษีเอกชน และผลักภาระความเสี่ยงให้แก่การประปาส่วนภูมิภาคหาดใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบ โดยไม่ยอมให้มีการทำสัญญาที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างเด็ดขาด โดยจะยื่นเรื่องร้องเรียนให้แก่ ส.ส.สงขลา และส.ว.สงขลา เพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไป
นายสุมิตร กล่าวต่อด้วยว่า การเรียกร้องสิทธิของประชาชน เพื่อให้ประปาเป็นบริการสาธารณะจะขับเคลื่อนคู่ขนานระหว่างการคัดค้านของพนักงานการประปาหาดใหญ่ ที่มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเข้ามาเกี่ยวข้อง และในส่วนของภาคประชาชนผู้เรียกร้องให้น้ำประปาเป็นของสาธารณะ เพราะเมื่อเอกชนเข้ามาต้องนำภาษีจากชาวบ้านเป็นงบเพิ่มเติมอีก และเสี่ยงต่อการถูกเอกชนเข้าผูกขาดฮุบโดยกลุ่มทุนอีกด้วย
“หากผู้บริหารอ้างว่าการประปาฯขาดทุนมาตลอดคงต้องพิจารณาตัวเองว่า ทำไมเอกชนที่จะเข้ามาจึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนให้ต่ำลงได้ การแก้ปัญหา และถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ก็สมควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้ว เพราะประชาชนที่เป็นเจ้าของเงินเดือนอยากจะจ้างผู้บริหารคนใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ และรับใช้ประชาชน” นายสุมิตรกล่าว