xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจไม้ยางเดือดร้อนหนัก เหตุราคาตกต่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - นายกสมาคมไม้ยางพาราแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมโรงเลื่อยไม้ยางพาราและโรงอบไม้แห่งประเทศไทย ปรึกษาหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาการสั่งซื้อไม้ยางพารา มีมติขอความช่วยเหลือจากทางภาครัฐ เพื่อเตรียมการรอรับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในธุรกิจไม้ยางพาราไทย

วันนี้ (17 ธ.ค.) นายสุทิน พรชัยสุรีย์ นายกสมาคมไม้ยางพาราแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมโรงเลื่อยไม้ยางพาราและโรงอบไม้แห่งประเทศไทย ได้เรียกประชุมสมาชิกทั้ง 2 สมาคม จากพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ และภาคตะวันออก รวมจำนวน 60 คน ร่วมประชุมปรึกษาหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาการสั่งซื้อไม้ยางพารา ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า หรือเดือนมีนาคม 2552 จะมีราคาที่ตกต่ำลงตามแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจโลก และในช่วงนี้ราคาไม้ยางพาราเริ่มมีราคาลดลงอย่างมาก

ทั้งนี้ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากภาวะราคาน้ำยางพารา ที่ได้มีการปรับราคาลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จนอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 25-27 บาท ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางพาราส่วนใหญ่ตัดสินใจโค่นล้มต้นยางพารา เพื่อแปรสภาพขายเป็นไม้ยางพาราให้กับผู้ประกอบการธุรกิจไม้ยางพารากันเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจไม้ยางพาราบางราย มีการรับซื้อไม้ยางพาราจากเกษตรกรไว้มากเกินความจำเป็น และต้องทำการเร่งกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้นเพื่อการส่งออก เพราะคาดคิดว่าต้นทุนการผลิตในช่วงนี้จะลดต่ำลง จึงทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจไม้ยางพาราเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลทำให้ราคาไม้ยางพาราตกต่ำลงตามไปด้วย

นายกสมาคมไม้ยางพาราแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมโรงเลื่อยไม้ยางพาราและโรงอบไม้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับธุรกิจไม้ยางพาราในประเทศไทยขณะนี้ ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยแนวโน้มในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าที่กำลังจะถึงนี้ คาดว่าจะมีการชะลอของตลาดการส่งออกไม้ยางพารารายใหญ่ เช่น ประเทศเวียดนาม มาเลเซีย และจีน ซึ่งถือเป็นประเทศคู่ค้าไม้ยางพารารายใหญ่ อีกทั้งกำลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2552 ประกอบกับเป็นช่วงที่กำลังเกิดความผันผวนในตลาดโลก หรือช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลมาถึงสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ สภาวะดังกล่าวจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงใด ขึ้นอยู่กับแนวโน้มของตลาดโลกในอนาคต ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนได้ ดังนั้น ทางสมาคมจึงขอเตือนให้สมาชิกผู้ประกอบการ อย่าเพิ่งซื้อไม้ยางพาราจากเกษตรกรมากเกินการสั่งจากลูกค้า ซึ่งหากเป็นช่วงที่ยังไม่มียอดการสั่งที่แน่นอน ผู้ประกอบการไม่ควรเร่งกำลังการผลิตให้มีสินค้าออกมาเพื่อรอจำหน่าย เพราะอาจประสบปัญหาสภาวะการณ์ขาดทุนได้

นอกจากนี้ ขอให้สมาชิกทำการผลิตสินค้าที่พอประมาณ เพื่อเป็นการเพิ่มคุณภาพให้เหมาะกับราคาส่งจำหน่าย และคาดว่าในอีก 2-3 เดือนที่กำลังจะถึงนี้ จะมีผู้ประกอบการประมาณ 30% ที่ต้องหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว เพื่อรอดูทีท่าของตลาดโลกและประเทศคู่ค้า

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมสมาชิกผู้ประกอบการทั้ง 60 คน ได้มีมติขอความช่วยเหลือจากทางภาครัฐ เพื่อเตรียมการรอรับปัญหา ที่กำลังจะเกิดขึ้นในธุรกิจไม้ยางพาราไทย คือ การชะลอหรือลดภาษีการส่งออกไม้ยางพาราแปรรูปจำนวน 3% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีดังกล่าว จะทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งออก ซึ่งเป็นผลต่อการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งทางการค้า ที่มีความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องนี้

นอกจากนั้นยังขอให้ภาครัฐมีการสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ (soft loan) แก่ผู้ประกอบการธุรกิจ และเสนอให้รัฐบาลเข้ามาประกันราคาไม้ยางพาราอยู่ที่ 250 บาทต่อลูกบาศก์ฟุต ซึ่งปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 235-240 บาทต่อลูกบาศก์ฟุต โดยทางสมาคมจะเร่งนำข้อเสนอทั้งหมดเสนอให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการพิจารณาต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น