ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบ ผู้ว่าฯภูเก็ต–ผบก.ภูเก็ต ตั้งศูนย์ปฏิบัติแก้ปัญหาทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ เผยมีผู้ร้องเรียนให้ “ดีเอสไอ” ตรวจสอบกว่า 10 ราย เนื้อที่กว่า 1,000ไร่ มูลค่าความเสียหายด้านภาษีไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบรุกที่วัดกะทู้เนื้อที่กว่า 130 ไร่ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
วันนี้ (16 ธ.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วยนายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม พล.ร.ต.อมรโชติ สุจิรัตน์ รองผู้อำนวย กอ.รมน.กองทัพเรือภาค 3 ปฏิบัติหน้าที่แทนรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตฝ่ายความมั่นคง พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและคณะพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าพบหารือกับ นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ห้องทำงานศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตามโครงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล (ในจังหวัดชายฝั่งอันดามัน)
พ.ต.อ.ทวี กล่าวภายหลังเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ว่า ที่ผ่านมา ได้มีประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนไปยังดีเอสไอ เกี่ยวกับปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้และสาธารณะเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้มีการชี้เป้าหมาย 10 ราย เนื้อที่กว่าพันไร่ ซึ่งมีทั้งป่าไม้ ป่าชายเลน ซึ่งคิดมูลค่าความเสียหายด้านภาษีที่ภาครัฐควรเก็บได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท รวมถึงการอนุญาตปลูกสิ่งปลูกสร้างจนเป็นที่มาของการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจากการที่ได้ลงพื้นที่มาประชุมร่วมกับประชาชนในพื้นที่และผู้ประกอบการนักธุรกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตต่างเห็นด้วยที่จะให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
นอกจากนั้น ในส่วนของปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การบุกรุกที่ของรัฐและอื่นๆที่มีการดำเนินการตรวจสอบในส่วนของปปช.มีมากถึง 30 เรื่อง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า จากการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตในการที่จัดตั้งวอร์รูมหรือศูนย์ปฎิบัติการแก้ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อดูแลเรื่องนี้ขึ้นโดยเฉพาะ โดยใช้กฎหมายของดีเอสไอเข้ามาช่วย นอกจากเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็จะดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพราะจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินการในแต่ละเรื่องที่มีการร้องเรียนว่าอยู่ในลำดับขั้นตอนใด และเขาก็จะได้มามีส่วนร่วมในการดูแลพิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นผู้แจ้งข่าวให้กับหน่วยผู้ปฏิบัติได้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า จากการหารือกับกรมที่ดินทราบว่ามีการจัดทำข้อมูลภาพถ่ายที่ดินทางอากาศโดยเฉพาะใน 2 พื้นที่ คือ จังหวัดภูเก็ต กับตราด ซึ่งมีประโยชน์อย่างมาก และทางดีเอสไอได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ 25 คนเพื่อไปศึกษาเรื่องของแผนที่ทางการทหารเพื่อให้มาดูแลเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ เนื่องจากการมีแผนที่ดังกล่าวจะทำให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร ทั้งในส่วนที่เป็นคดีค้างเก่าและบางเรื่องอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช.
รวมทั้งการที่จะแก้ปัญหากรณีที่เป็นเรื่องใหม่เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาครัฐเองหรือภาคเอกชน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนมือและมูลค่าที่ดินเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยและมักจะเป็นการซื้อขายกันในต่างประเทศซึ่งรัฐไม่ได้อะไรเลย การที่รัฐจะซื้อคืนค่อนข้างยากเพราจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน ก็จะทำให้ผู้ประกอบการมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทำอย่างไรจึงจะสามารถป้องกันและหยุดการดำเนินการในรายใหม่ๆ ให้ได้โดยเร็ว
“ในการตรวจสอบต่างๆ นั้น หากมีข้อมูลประกอบที่ครบถ้วนก็จะสามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจน หากถูกต้องหรือผิดก็ว่าไปตามข้อมูลข้อเท็จจริง โดยแผนที่ทางอากาศเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการใช้เปรียบเทียบข้อมูลก่อนหลัง ซึ่งแนวทางการจัดการหากพบว่าไม่ถูกต้องในกรณีที่ดินของรัฐ ทั้งการส่งเรื่องให้ทางกรมที่ดินเพิกถอน การให้ชาวบ้านรวมตัวกันฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอน การร้องต่อศาลแพ่ง รวมถึงการพิจารณาในส่วนของต่างด้าวที่ให้คนไทยถือครองแทน”
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่ออีกว่า นอกจากการบุกรุกที่ดินของรัฐแล้ว ยังมีปัญหาการทำผิดพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการอนุญาตให้สร้างท่าเทียบเรือหรือมารีน่าในหลายพื้นที่ โดยได้มีชาวบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว เพราะจากข้อมูลที่ได้รับมีข้อมูลสาระบบบางส่วนได้สูญหายไปแล้ว
นอกจากนี้ ในส่วนปัญหาของอาชญากรรมข้ามชาติในภูเก็ต ซึ่งมีการประสานหับหน่วยงานบังคับทางกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งมีข้อมูลของกลุ่มฟอกเงินที่นำเงินเข้ามาในพื้นที่ และคดีเกี่ยวอาชญากรรมข้ามชาติในหลายเรื่องที่ดำเนินการอยู่ โดยกลุ่มเดิมบางส่วนแบนดีโดสซึ่งมีทั้งสมุยและเข้ามาภูเก็ตแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่มาจากยุโรปตะวันออก ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.ทวี พร้อมคณะทำงานได้เดินทางไปตรวจพื้นที่วัดกะทู้ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 อ.กะทู้ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากเจ้าอาวาสวัดกะทู้ ให้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษกรณีที่มีการเข้าไปบุกรุกที่ดินอันเป็นสมบัติของวัดหรือธรณีสงฆ์ เนื้อที่ประมาณ 136 ไร่ มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท โดยที่ดินดังกล่าวกำลังจะมีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งหลังจากรับแจ้งกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงต้องเข้ามาดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงของการร้องเรียนดังกล่าว