นครศรีธรรมราช - ร้องผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช พระเจ้าอาวาสดังแปลงกายควบเก๋งควงสาวตระกูลดังกลางดึก โดน ตร.ตั้งด่านจับลงบันทึกประจำวันระบุ “พระมีเมีย” ส่งตัวให้คณะสงฆ์สึก แต่กลับแปลงกายกลับมาเป็นเจ้าอาวาส ชาวบ้านฮึมเตรียมรวมตัวประท้วงขับไล่ ผอ.สนง.พุทธ รับลูกลุยสอบรวบรวมหลักฐานมัดแน่นจัดการทันที
วันนี้ (16 ธ.ค.) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ทำการเปิดเว็บไซต์ http://www.nakhonsithammarat.go.th/ เพื่อตรวจสอบข้อความร้องเรียนของประชาชนตามนโยบายของนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช โครงการ “นคร 24 ชั่วโมง” โดยมีประชาชนร้องเรียนผ่านเว็บเข้ามาหลายรายและรายหนึ่งร้องเรียนข้อความว่า
“พ.ต.ท.วรรณพ ตั้งเส้ง สวป.สภ.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช ตั้งด่านตรวจพบชายหัวโล้น ไม่มีคิ้ว นุ่งกางเกงกีฬา ขับรถเก๋งโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 2442 นศ. ทราบชื่อนายชรินทร์ แดงสิงห์ มีผู้หญิงสาวตระกุลดังนั่งคู่มาข้างๆ จากการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวสวมสบงพระสวมทับด้วยเสื้อคอกลมสีขาว โดยชายหัวโล้นยอมรับว่าเป็นพระเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งใน ต.หลักช้าง อ.ช้างกลาง ส่วนผู้หญิงชื่อ น.ส.ณัฐติกาญจน์ (ขอสงวนนามสกุล) จึงควบคุมตัวไปสอบสวนให้ พ.ต.ท.สุรจิตร ตะกรุดเดิม พนักงานสอบสวน (สบ 3) ลงบันทึกประจำวันตามบันทึกประจำวันหน้าที่ 195 ลำดับที่ 8 เวลา 23.40 น.วันที่ 3 ธ.ค. 2551 และแจ้งให้คณะสงฆ์มารับตัวไปสึกตามขั้นตอน
โดยมีอาจารย์เขียวเจ้าอาวาสวัดปรางงาม ในฐานะเจ้าคณะตำบลผู้รับผิดชอบเป็นผู้มารับ แต่ในขณะนี้พบว่าชายหัวโล้นคนดังกล่าวแปลงกายกลับไปเป็นเจ้าอาวาสให้ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องกราบไหว้มันเป็นเรื่องที่เศร้าสลดสะเทือนใจพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก เรื่องนี้รายละเอียดไปตรวจสอบที่ สภ.ทุ่งสง ได้ตลอดเวลา วอนคณะสงฆ์ ผู้ว่าฯ และผู้เกี่ยวข้องจัดการด่วน ก่อนที่ชาวบ้านจะรวมตัวขับไล่”
จากการตรวจสอบพบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และมีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ทุ่งสงจริง แต่ในบันทึกประจำวันระบุผู้ตรวจสอบจับกุมคือ พ.ต.ท.วรรณพ หนูเส้ง สวป. แต่ผู้ร้องเรียน อาจจะจำนามสกุลผิดเป็น พ.ต.ท.วรรณพ ตั้งเส้ง แต่ระบุว่าเป็น สวป.สภ.ทุ่งสง เช่นกันทั้งสองชื่อจึงน่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน และจากการตรวจสอบบันทึกประจำวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังระบุคดีหรือเรื่องที่รับแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ว่า “พระมีเมีย” และในบันทึกประจำวันดังกล่าวยังระบุชื่อผู้หญิงอย่างชัดเจนนอกจากนี้ในบันทึกประจำวันตัวชายหัวโล้นหรือนายชรินทร์ แดงสิงห์ ยังให้การรับสารภาพว่าเป็นพระเจ้าอาวาสวัด (หลักช้าง) อ.ช้างกลาง ส่วนรถยนต์เก๋งที่นายชรินทร์ ขับนั้นนายชรินทร์ บอกว่าเป็นของตนเองแต่ซื้อในนามของพี่ชายคือนายสุชาติ แดงสิงห์
ทางด้าน นายจารุมัย นพรัตน์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ตอบข้อร้องเรียนทางเว็บไซด์ต่อท้ายคำร้องเรียนไปว่า “ขอบคุณมากครับ ที่แจ้งข่าวผ่านมาทางกระดานเสวนานี้ ได้ประสานกับอำเภอช้างกลางตรวจสอบข้อเท็จจริง และแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช พิจารณาดำเนินการต่อไป” ในขณะเดียวกันได้มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นในข้อร้องเรียนดังกล่าวเป็นจำนวนมากโดยมีการวิพากษ์วิจารณ์และนำข้อมูลของเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวออกมาเปิดเผยมากขึ้น และยังระบุพฤติกรรมในทำนองเดียวกันว่ายังมีพระภิกษุที่มีตำแหน่งระดับเจ้าอาวาสชื่อดังอีกหลายวัดในหลายอำเภอที่มีพฤติกรรมแปลงกายเช่นเดียวกัน
เมื่อมีการตรวจสอบไปยัง อ.ช้างกลาง พบว่าชาวบ้านได้ทราบเรื่องและมีการจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางและแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายไม่ไม่เชื่อมองว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวให้เสื่อมเสียโดยไม่มีพยานหลักฐานข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ในนำท้องถิ่นจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปขอถ่ายสำเนาเอกสารบันทึกประจำวันจาก สภ.ทุ่งสง มาแจกจ่ายในพื้นที่ อ.ช้างกลาง เมื่อมีหลักฐานยืนยันทำให้คนที่ไม่เชื่อถึงกับพูดไม่ออก และเมื่อตรวจสอบไปที่วัด (หลักช้าง) จึงทราบว่านายชรินทร์ แดงสิงห์ คือ พระมหาชรินทร์ กตฺติวณฺโณ เป็นเจ้าอาวาสและเป็นเลขาเจ้าคณะตำบลนากะชะ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราชอีกด้วย
นายพิเชษฐ์ มณีโชติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.หลักช้าง อ.ช้างกลาง กล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตนและชาวบ้านอึดอัดใจมากและรับไม่ได้กับเจ้าอาวาสที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ และไม่เข้าใจว่าพระอาจารย์เขียว เจ้าคณะตำบลผู้รับผิดชอบตามสายการปกครองสงฆ์ไปรับตัวพระมหาชรินทร์ มาจากตำรวจแทนที่จะดำเนินการจับสึกกลับปล่อยให้มาห่มจีวรกลับมาเป็นเจ้าอาวาสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตนและชาวบ้านอยากถามว่าพระชั้นผู้ใหญ่รับทราบและเห็นพฤติกรรมของเจ้าอาวาสมาด้วยตาตัวเองแต่กลับไม่ดำเนินการใด ๆ ปล่อยให้ห่มจีวรกลับมาให้ชาวบ้านกราบไหว้เหมือนเดิม ทำให้ในสถาบันพระสงฆ์ไทยปัจจุบันมีอลัชชีแปลกปลอมอยู่เยอะมาก
“หากผู้ว่าราชการในจังหวัดและคระสงฆ์รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการใดๆ กับเจ้าอาวาสรายนี้ ผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านจะมีการรวมตัวกันประท้วงเพื่อให้เรื่องฉาวโฉ่เป็นที่รับรู้ของผู้คนอย่างกว้างขวาง เมื่อใครทำอะไรพระชั่วๆ ไม่ได้ก็ต้องให้สังคมรับรู้และสังคมเป็นผู้ลงโทษแทน” ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวย้ำในที่สุด
ด้าน นายวิชา ทรรพคช ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากศูนย์ดำรงธรรมเรียบร้อยแล้ว และได้สอบถามด้วยวาจาไปยังเจ้าคณะอำเภอฉวาง ซึ่งรับผิดชอบปกครองสงฆ์ อ.ช้างกลางด้วย และทราบเบื้องต้นว่าเจ้าอาวาสวัดปรางค์งาม เลขาฯ เจ้าคณะอำเภอ มีข้อมูลหลักฐานในเรื่องนี้ทั้งหมด ตนกำลังเดินทางไปตรวจสอบหลักฐานและสอบถามข้อเท็จจริงจากพระอาจารย์เขียวเจ้าอาวาสวัดปรางค์งามจากนั้นจะเดินทางไปที่ สภ.ทุ่งสง เพื่อขอบันทึกประจำวันและรับรองสำเนาถูกต้องตามระเบียบราชการ เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐานดำเนินการกับเจ้าอาวาสวัดหลักช้างต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นสาวไฮโซทายาทในตระกูลดังที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั้ง จ.นครศรีธรรมราช ที่ผ่านมาสาวไฮโซตระกูลดังได้ไปมาหาสู่เข้าออกภายในวัดหลักช้างอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน รถเก๋งคันที่ถูกตำรวจเรียกตรวจขับออกไปจากวัด และกลับมาวัดในช่วงดึกของวันใหม่ จนกระทั่งมาเกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นดังกล่าว
วันนี้ (16 ธ.ค.) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ทำการเปิดเว็บไซต์ http://www.nakhonsithammarat.go.th/ เพื่อตรวจสอบข้อความร้องเรียนของประชาชนตามนโยบายของนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช โครงการ “นคร 24 ชั่วโมง” โดยมีประชาชนร้องเรียนผ่านเว็บเข้ามาหลายรายและรายหนึ่งร้องเรียนข้อความว่า
“พ.ต.ท.วรรณพ ตั้งเส้ง สวป.สภ.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช ตั้งด่านตรวจพบชายหัวโล้น ไม่มีคิ้ว นุ่งกางเกงกีฬา ขับรถเก๋งโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 2442 นศ. ทราบชื่อนายชรินทร์ แดงสิงห์ มีผู้หญิงสาวตระกุลดังนั่งคู่มาข้างๆ จากการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวสวมสบงพระสวมทับด้วยเสื้อคอกลมสีขาว โดยชายหัวโล้นยอมรับว่าเป็นพระเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งใน ต.หลักช้าง อ.ช้างกลาง ส่วนผู้หญิงชื่อ น.ส.ณัฐติกาญจน์ (ขอสงวนนามสกุล) จึงควบคุมตัวไปสอบสวนให้ พ.ต.ท.สุรจิตร ตะกรุดเดิม พนักงานสอบสวน (สบ 3) ลงบันทึกประจำวันตามบันทึกประจำวันหน้าที่ 195 ลำดับที่ 8 เวลา 23.40 น.วันที่ 3 ธ.ค. 2551 และแจ้งให้คณะสงฆ์มารับตัวไปสึกตามขั้นตอน
โดยมีอาจารย์เขียวเจ้าอาวาสวัดปรางงาม ในฐานะเจ้าคณะตำบลผู้รับผิดชอบเป็นผู้มารับ แต่ในขณะนี้พบว่าชายหัวโล้นคนดังกล่าวแปลงกายกลับไปเป็นเจ้าอาวาสให้ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องกราบไหว้มันเป็นเรื่องที่เศร้าสลดสะเทือนใจพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก เรื่องนี้รายละเอียดไปตรวจสอบที่ สภ.ทุ่งสง ได้ตลอดเวลา วอนคณะสงฆ์ ผู้ว่าฯ และผู้เกี่ยวข้องจัดการด่วน ก่อนที่ชาวบ้านจะรวมตัวขับไล่”
จากการตรวจสอบพบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และมีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ทุ่งสงจริง แต่ในบันทึกประจำวันระบุผู้ตรวจสอบจับกุมคือ พ.ต.ท.วรรณพ หนูเส้ง สวป. แต่ผู้ร้องเรียน อาจจะจำนามสกุลผิดเป็น พ.ต.ท.วรรณพ ตั้งเส้ง แต่ระบุว่าเป็น สวป.สภ.ทุ่งสง เช่นกันทั้งสองชื่อจึงน่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน และจากการตรวจสอบบันทึกประจำวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยังระบุคดีหรือเรื่องที่รับแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ว่า “พระมีเมีย” และในบันทึกประจำวันดังกล่าวยังระบุชื่อผู้หญิงอย่างชัดเจนนอกจากนี้ในบันทึกประจำวันตัวชายหัวโล้นหรือนายชรินทร์ แดงสิงห์ ยังให้การรับสารภาพว่าเป็นพระเจ้าอาวาสวัด (หลักช้าง) อ.ช้างกลาง ส่วนรถยนต์เก๋งที่นายชรินทร์ ขับนั้นนายชรินทร์ บอกว่าเป็นของตนเองแต่ซื้อในนามของพี่ชายคือนายสุชาติ แดงสิงห์
ทางด้าน นายจารุมัย นพรัตน์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ตอบข้อร้องเรียนทางเว็บไซด์ต่อท้ายคำร้องเรียนไปว่า “ขอบคุณมากครับ ที่แจ้งข่าวผ่านมาทางกระดานเสวนานี้ ได้ประสานกับอำเภอช้างกลางตรวจสอบข้อเท็จจริง และแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช พิจารณาดำเนินการต่อไป” ในขณะเดียวกันได้มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นในข้อร้องเรียนดังกล่าวเป็นจำนวนมากโดยมีการวิพากษ์วิจารณ์และนำข้อมูลของเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวออกมาเปิดเผยมากขึ้น และยังระบุพฤติกรรมในทำนองเดียวกันว่ายังมีพระภิกษุที่มีตำแหน่งระดับเจ้าอาวาสชื่อดังอีกหลายวัดในหลายอำเภอที่มีพฤติกรรมแปลงกายเช่นเดียวกัน
เมื่อมีการตรวจสอบไปยัง อ.ช้างกลาง พบว่าชาวบ้านได้ทราบเรื่องและมีการจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางและแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายไม่ไม่เชื่อมองว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวให้เสื่อมเสียโดยไม่มีพยานหลักฐานข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ในนำท้องถิ่นจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปขอถ่ายสำเนาเอกสารบันทึกประจำวันจาก สภ.ทุ่งสง มาแจกจ่ายในพื้นที่ อ.ช้างกลาง เมื่อมีหลักฐานยืนยันทำให้คนที่ไม่เชื่อถึงกับพูดไม่ออก และเมื่อตรวจสอบไปที่วัด (หลักช้าง) จึงทราบว่านายชรินทร์ แดงสิงห์ คือ พระมหาชรินทร์ กตฺติวณฺโณ เป็นเจ้าอาวาสและเป็นเลขาเจ้าคณะตำบลนากะชะ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราชอีกด้วย
นายพิเชษฐ์ มณีโชติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.หลักช้าง อ.ช้างกลาง กล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตนและชาวบ้านอึดอัดใจมากและรับไม่ได้กับเจ้าอาวาสที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ และไม่เข้าใจว่าพระอาจารย์เขียว เจ้าคณะตำบลผู้รับผิดชอบตามสายการปกครองสงฆ์ไปรับตัวพระมหาชรินทร์ มาจากตำรวจแทนที่จะดำเนินการจับสึกกลับปล่อยให้มาห่มจีวรกลับมาเป็นเจ้าอาวาสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตนและชาวบ้านอยากถามว่าพระชั้นผู้ใหญ่รับทราบและเห็นพฤติกรรมของเจ้าอาวาสมาด้วยตาตัวเองแต่กลับไม่ดำเนินการใด ๆ ปล่อยให้ห่มจีวรกลับมาให้ชาวบ้านกราบไหว้เหมือนเดิม ทำให้ในสถาบันพระสงฆ์ไทยปัจจุบันมีอลัชชีแปลกปลอมอยู่เยอะมาก
“หากผู้ว่าราชการในจังหวัดและคระสงฆ์รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการใดๆ กับเจ้าอาวาสรายนี้ ผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านจะมีการรวมตัวกันประท้วงเพื่อให้เรื่องฉาวโฉ่เป็นที่รับรู้ของผู้คนอย่างกว้างขวาง เมื่อใครทำอะไรพระชั่วๆ ไม่ได้ก็ต้องให้สังคมรับรู้และสังคมเป็นผู้ลงโทษแทน” ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวย้ำในที่สุด
ด้าน นายวิชา ทรรพคช ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากศูนย์ดำรงธรรมเรียบร้อยแล้ว และได้สอบถามด้วยวาจาไปยังเจ้าคณะอำเภอฉวาง ซึ่งรับผิดชอบปกครองสงฆ์ อ.ช้างกลางด้วย และทราบเบื้องต้นว่าเจ้าอาวาสวัดปรางค์งาม เลขาฯ เจ้าคณะอำเภอ มีข้อมูลหลักฐานในเรื่องนี้ทั้งหมด ตนกำลังเดินทางไปตรวจสอบหลักฐานและสอบถามข้อเท็จจริงจากพระอาจารย์เขียวเจ้าอาวาสวัดปรางค์งามจากนั้นจะเดินทางไปที่ สภ.ทุ่งสง เพื่อขอบันทึกประจำวันและรับรองสำเนาถูกต้องตามระเบียบราชการ เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐานดำเนินการกับเจ้าอาวาสวัดหลักช้างต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นสาวไฮโซทายาทในตระกูลดังที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั้ง จ.นครศรีธรรมราช ที่ผ่านมาสาวไฮโซตระกูลดังได้ไปมาหาสู่เข้าออกภายในวัดหลักช้างอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน รถเก๋งคันที่ถูกตำรวจเรียกตรวจขับออกไปจากวัด และกลับมาวัดในช่วงดึกของวันใหม่ จนกระทั่งมาเกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นดังกล่าว
