นครศรีธรรมราช - นายอำเภอทุ่งสง เจอดี ประเดิมถูกลองของผู้ว่าราชการนครศรีฯคนใหม่ หลังถูกมือมืดร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ “นคร24 ชั่วโมง” กล่าวหาขู่ชาวบ้านให้ขายที่ดินให้นายทุน ผู้ว่าฯเต้นสั่งรายงานข้อเท็จจริงด่วน-ในขณะที่นายอำเภอโต้แหลก ยันไม่เป็นความจริง-เรียกร้องคนร้องเรียนเผยตัวอย่าทำตัวเป็น “อีแอบ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (29 ต.ค.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช มีคำสั่งด่วนให้ นายมนัส โสกันธิกา นายอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับ นายจารุมัย นพรัตน์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีมีชาวบ้านถ้ำใหญ่ ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนเข้ามายังเว็บไซต์ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามโครงการ “นคร 24 ชั่วโมง” จำนวนหลายฉบับ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28-29 ตุลาคม 2551
ทั้งนี้ มีเนื้อหาว่า เนื่องด้วยชาวบ้านถ้ำใหญ่มีความเดือดร้อน เรื่องถนนเข้าหมู่บ้านเป็นอย่างมาก หน้าฝนก็ชื้นแฉะ พอช่วงหน้าแล้งก็มีฝุ่นตลบไปทั่วหมู่บ้าน เพราะรถบรรทุกหินวิ่งเข้าออกตลอดเวลา ซึ่งเมื่อเดือนกันยายน 2551 นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชคนเก่า ได้เดินทางมาประชุมแก้ไขปัญหาและสรุปว่า ให้นายทุนเจ้าของกิจการระเบิดหินและบรรทุกหินปรังปรุงซ่อมแซมถนนให้ชาวบ้านใหม่ โดยได้กำหนดให้แล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.2551 เป็นต้นไป
แต่นายทุนต้องการทำถนนเข้าพื้นที่เพื่อเป็นเส้นทางใหม่บรรทุกหิน ซึ่งนายทุนต้องการถมห้วยสาธารณะแล้วทำถนน หากเป็นเข่นนั้นจริงก็จะทำให้พื้นที่หมู่บ้านถ้ำใหญ่น้ำท่วมแน่นอน เพราะว่า ลำห้วยเป็นที่ระบายน้ำเวลาฝนตก ทำให้น้ำไม่ท่วมในหน้าฝนหรือท่วมแต่ไม่รุนแรง หากนายทุนถมลำห้วยจะทำให้ไม่มีทางระบายน้ำออกจากพื้นที่
นอกจากนี้ นายทุนต้องการที่ดินของชาวบ้านบางคน เพื่อความสะดวกในการขยายถนนให้รถบรรทุกเข้าไปบรรทุกหิน โดยพื้นที่ของชาวบ้านเป็นพื้นที่ทำกินมานานแล้ว จึงไม่ยอมขายให้นายทุน
ข้อความร้องเรียนในเว็บไซต์ ยังระบุว่า จนเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ของอำเภอทุ่งสงเข้าไปข่มขู่ชาวบ้านและขอซื้อที่ดินในราคาถูก เพื่อจะนำไปขายต่อให้กับนายทุน โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน แต่ชาวบ้านไม่ยอมขาย จนล่าสุด นายอำเภอทุ่งสงได้เข้าไปเจรจากับชาวบ้านเจ้าของที่ดินให้ชาวบ้านขายที่ดินให้นายทุน โดยนายอำเภอบอกว่าชาวบ้านจะได้เงินก้อนใหญ่ไม่ต้องลำบากกับการทำสวนยางพารา กรีดยางพาราจะได้เงินสักกี่บาท
นายอำเภอทุ่งสงยังระบุกับชาวบ้าน ว่า ถ้าไม่ขายทีดินให้นายทุนจะเดือดร้อน ข่มขู่ต่างๆ นานา ถ้าไม่ขาย ทางราชการจะทำเรื่องเวนคืนให้ที่ดินของชาวบ้านกลายเป็นที่สาธารณะ และชาวบ้านจะไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว โดยในวันที่ 29 พ.ย.2551 นายอำเภอทุ่งสงเข้าไปเจรจาขอคำตอบจากชาวบ้านอีกครั้ง ซึ่งทำให้ชาวบ้านกลัวเป็นอย่างมาก โดยเกรงว่าที่ดินที่ทำกินของชาวบ้านมานานและมีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องถูกบีบคั้น ข่มขู่จนต้องจำใจยอมขายให้กับนายทุนในราคาถูก และในที่สุดที่ดินของชาวบ้านจะกลายไปเป็นของนายทุน เพราะข้าราชการระดับสูงในอำเภอบางคนเข้าด้วยช่วยเหลือนายทุน แทนที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ยากจน ข้อความในเว็บไซต์ดังกล่าวลงชื่อ ชาวบ้านถ้ำใหญ่ และ ตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
สำหรับ นายมนัส โสกันธิกา นายอำเภอทุ่งสง ได้เดินทางเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านทางศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนายมนัส กล่าวถึงเรื่องข้อความร้องเรียนทางเว็บไซต์ดังกล่าว ว่า ตนกำลังตรวจสอบข้อความร้องเรียน ซึ่งไม่น่าจะมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเลย คนที่ร้องเรียนน่าจะลงชื่อให้ชัดเจนว่าเป็นใครตนจะได้ชี้แจงให้ถูกต้อง และเรื่องที่ร้องเรียนไม่เป็นความจริง
เมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) ในช่วงบ่ายได้มีการประชุมร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหาระหว่างผู้ประกอบการกับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการ ตัวแทน อบจ. อบต.และชาวบ้าน เข้าร่วมและสรุปว่า ในวันนี้ (29 ต.ค.) ตัวแทนของทางราชการ ผู้ประกอบการ ชาวบ้าน และ อบต.จะเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อตรวจสอบกันให้ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลที่มีเอกสารสิทธิเท่าใร และเป็นพื้นที่สาธารณะเท่าไร เนื่องจากในพื้นมีทั้งที่สาธารณะและที่ดินมีเอกสารสิทธิ และที่ดินทั้งสองส่วนนี้จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนและถูกต้อง
“ผู้ประกอบการก็ยอมที่จะทำถนนคอนกรีตให้กับหมู่บ้านฟรีๆ โดยไม่ต้องสูญเสียงบประมาณของรัฐแม้แต่บาทเดียว ซึ่งตนเห็นด้วยและตัวแทนผู้เข้าร่วมประชุมทุกฝ่ายเมื่อวานนี้ก็เข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่กลับมามีข้อความร้องเรียนในเว็บไซต์ของจังหวัดในลักษณะนี้ ตนไม่เข้าใจจริงๆ อย่างไรก็ตาม โครงการก่อสร้างถนนเข้าหมู่บ้านถ้ำใหญ่ ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช องค์กรบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชได้จัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ซึ่งตัวแทน อบจ.ได้เรียนแจ้งในที่ประชุมให้ทราบแล้วว่า อบจ.นครศรีธรรมราชจะก่อสร้างในปี 2552 ซึ่งอาจจะล่าช้า จึงคิดว่าน่าจะหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นการชั่วคราว จนกลายมาเป็นเรื่องร้องเรียนตนดังกล่าว”
นายมนัส กล่าวต่อไปอีกว่า เรื่องนี้ตนจะได้นำเรียนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบอย่างละเอียด โดยที่กล่าวหาว่าตนเข้าไปเจรจาแทนนายทุนและข่มขู่ชาวบ้าน ไม่เป็นความจริง ตนเป็นนายอำเภอ คงไม่ไปทำเรื่องตามที่มีการร้องเรียนอย่างแน่นอน เป็นการใส่ร้ายป้ายสีให้ตนได้รับความเสียหาย ตนไม่ทราบว่าคนที่ร้องเรียนมีจุดประสงค์อะไร อยากให้แสดงตัวตนออกมาอย่าทำเป็นอีแอบ และร่วมกันปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขบนผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งตนคิดว่าคนที่ส่งข้อความร้องเรียนตนทางเว็บไซต์คงไม่ได้เข้าประชุมจึงไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังจากที่ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางเข้ามารับตำแหน่งพร้อมทั้งแถลงนโยบายในการเปิดรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทางเว็บไซต์จังหวัดตามโครงการ “นคร 24 ชั่วโมง” โดยให้ศูนย์ดำรงธรรมทำงานตลอด 24 ชั่วโมงและเปิดตรวจสอบข้อเรียนทางเว็บไซต์วันละ 2 ครั้งในเวลา 10.00 น.และในเวลา 16.00 น. โดยทุกข้อร้องเรียนจะได้รับการตรวจสอบและแก้ไขอย่างเร่งด่วน พร้อมกับรายงานการตรวจสอบและดำเนิน การแก้ไขให้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชทราบทุกวัน ทำให้มีชาวบ้านที่เดือดร้อนในเรื่องต่างๆ เขียนจดหมายเข้ามายังศูนย์ดำรงธรรมผ่านทางเว็บไซต์มากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (29 ต.ค.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช มีคำสั่งด่วนให้ นายมนัส โสกันธิกา นายอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกับ นายจารุมัย นพรัตน์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีมีชาวบ้านถ้ำใหญ่ ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนเข้ามายังเว็บไซต์ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามโครงการ “นคร 24 ชั่วโมง” จำนวนหลายฉบับ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28-29 ตุลาคม 2551
ทั้งนี้ มีเนื้อหาว่า เนื่องด้วยชาวบ้านถ้ำใหญ่มีความเดือดร้อน เรื่องถนนเข้าหมู่บ้านเป็นอย่างมาก หน้าฝนก็ชื้นแฉะ พอช่วงหน้าแล้งก็มีฝุ่นตลบไปทั่วหมู่บ้าน เพราะรถบรรทุกหินวิ่งเข้าออกตลอดเวลา ซึ่งเมื่อเดือนกันยายน 2551 นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชคนเก่า ได้เดินทางมาประชุมแก้ไขปัญหาและสรุปว่า ให้นายทุนเจ้าของกิจการระเบิดหินและบรรทุกหินปรังปรุงซ่อมแซมถนนให้ชาวบ้านใหม่ โดยได้กำหนดให้แล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.2551 เป็นต้นไป
แต่นายทุนต้องการทำถนนเข้าพื้นที่เพื่อเป็นเส้นทางใหม่บรรทุกหิน ซึ่งนายทุนต้องการถมห้วยสาธารณะแล้วทำถนน หากเป็นเข่นนั้นจริงก็จะทำให้พื้นที่หมู่บ้านถ้ำใหญ่น้ำท่วมแน่นอน เพราะว่า ลำห้วยเป็นที่ระบายน้ำเวลาฝนตก ทำให้น้ำไม่ท่วมในหน้าฝนหรือท่วมแต่ไม่รุนแรง หากนายทุนถมลำห้วยจะทำให้ไม่มีทางระบายน้ำออกจากพื้นที่
นอกจากนี้ นายทุนต้องการที่ดินของชาวบ้านบางคน เพื่อความสะดวกในการขยายถนนให้รถบรรทุกเข้าไปบรรทุกหิน โดยพื้นที่ของชาวบ้านเป็นพื้นที่ทำกินมานานแล้ว จึงไม่ยอมขายให้นายทุน
ข้อความร้องเรียนในเว็บไซต์ ยังระบุว่า จนเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ของอำเภอทุ่งสงเข้าไปข่มขู่ชาวบ้านและขอซื้อที่ดินในราคาถูก เพื่อจะนำไปขายต่อให้กับนายทุน โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน แต่ชาวบ้านไม่ยอมขาย จนล่าสุด นายอำเภอทุ่งสงได้เข้าไปเจรจากับชาวบ้านเจ้าของที่ดินให้ชาวบ้านขายที่ดินให้นายทุน โดยนายอำเภอบอกว่าชาวบ้านจะได้เงินก้อนใหญ่ไม่ต้องลำบากกับการทำสวนยางพารา กรีดยางพาราจะได้เงินสักกี่บาท
นายอำเภอทุ่งสงยังระบุกับชาวบ้าน ว่า ถ้าไม่ขายทีดินให้นายทุนจะเดือดร้อน ข่มขู่ต่างๆ นานา ถ้าไม่ขาย ทางราชการจะทำเรื่องเวนคืนให้ที่ดินของชาวบ้านกลายเป็นที่สาธารณะ และชาวบ้านจะไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว โดยในวันที่ 29 พ.ย.2551 นายอำเภอทุ่งสงเข้าไปเจรจาขอคำตอบจากชาวบ้านอีกครั้ง ซึ่งทำให้ชาวบ้านกลัวเป็นอย่างมาก โดยเกรงว่าที่ดินที่ทำกินของชาวบ้านมานานและมีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องถูกบีบคั้น ข่มขู่จนต้องจำใจยอมขายให้กับนายทุนในราคาถูก และในที่สุดที่ดินของชาวบ้านจะกลายไปเป็นของนายทุน เพราะข้าราชการระดับสูงในอำเภอบางคนเข้าด้วยช่วยเหลือนายทุน แทนที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ยากจน ข้อความในเว็บไซต์ดังกล่าวลงชื่อ ชาวบ้านถ้ำใหญ่ และ ตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
สำหรับ นายมนัส โสกันธิกา นายอำเภอทุ่งสง ได้เดินทางเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านทางศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนายมนัส กล่าวถึงเรื่องข้อความร้องเรียนทางเว็บไซต์ดังกล่าว ว่า ตนกำลังตรวจสอบข้อความร้องเรียน ซึ่งไม่น่าจะมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเลย คนที่ร้องเรียนน่าจะลงชื่อให้ชัดเจนว่าเป็นใครตนจะได้ชี้แจงให้ถูกต้อง และเรื่องที่ร้องเรียนไม่เป็นความจริง
เมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) ในช่วงบ่ายได้มีการประชุมร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหาระหว่างผู้ประกอบการกับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการ ตัวแทน อบจ. อบต.และชาวบ้าน เข้าร่วมและสรุปว่า ในวันนี้ (29 ต.ค.) ตัวแทนของทางราชการ ผู้ประกอบการ ชาวบ้าน และ อบต.จะเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อตรวจสอบกันให้ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลที่มีเอกสารสิทธิเท่าใร และเป็นพื้นที่สาธารณะเท่าไร เนื่องจากในพื้นมีทั้งที่สาธารณะและที่ดินมีเอกสารสิทธิ และที่ดินทั้งสองส่วนนี้จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนและถูกต้อง
“ผู้ประกอบการก็ยอมที่จะทำถนนคอนกรีตให้กับหมู่บ้านฟรีๆ โดยไม่ต้องสูญเสียงบประมาณของรัฐแม้แต่บาทเดียว ซึ่งตนเห็นด้วยและตัวแทนผู้เข้าร่วมประชุมทุกฝ่ายเมื่อวานนี้ก็เข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่กลับมามีข้อความร้องเรียนในเว็บไซต์ของจังหวัดในลักษณะนี้ ตนไม่เข้าใจจริงๆ อย่างไรก็ตาม โครงการก่อสร้างถนนเข้าหมู่บ้านถ้ำใหญ่ ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช องค์กรบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชได้จัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ซึ่งตัวแทน อบจ.ได้เรียนแจ้งในที่ประชุมให้ทราบแล้วว่า อบจ.นครศรีธรรมราชจะก่อสร้างในปี 2552 ซึ่งอาจจะล่าช้า จึงคิดว่าน่าจะหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นการชั่วคราว จนกลายมาเป็นเรื่องร้องเรียนตนดังกล่าว”
นายมนัส กล่าวต่อไปอีกว่า เรื่องนี้ตนจะได้นำเรียนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบอย่างละเอียด โดยที่กล่าวหาว่าตนเข้าไปเจรจาแทนนายทุนและข่มขู่ชาวบ้าน ไม่เป็นความจริง ตนเป็นนายอำเภอ คงไม่ไปทำเรื่องตามที่มีการร้องเรียนอย่างแน่นอน เป็นการใส่ร้ายป้ายสีให้ตนได้รับความเสียหาย ตนไม่ทราบว่าคนที่ร้องเรียนมีจุดประสงค์อะไร อยากให้แสดงตัวตนออกมาอย่าทำเป็นอีแอบ และร่วมกันปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขบนผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งตนคิดว่าคนที่ส่งข้อความร้องเรียนตนทางเว็บไซต์คงไม่ได้เข้าประชุมจึงไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังจากที่ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางเข้ามารับตำแหน่งพร้อมทั้งแถลงนโยบายในการเปิดรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทางเว็บไซต์จังหวัดตามโครงการ “นคร 24 ชั่วโมง” โดยให้ศูนย์ดำรงธรรมทำงานตลอด 24 ชั่วโมงและเปิดตรวจสอบข้อเรียนทางเว็บไซต์วันละ 2 ครั้งในเวลา 10.00 น.และในเวลา 16.00 น. โดยทุกข้อร้องเรียนจะได้รับการตรวจสอบและแก้ไขอย่างเร่งด่วน พร้อมกับรายงานการตรวจสอบและดำเนิน การแก้ไขให้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชทราบทุกวัน ทำให้มีชาวบ้านที่เดือดร้อนในเรื่องต่างๆ เขียนจดหมายเข้ามายังศูนย์ดำรงธรรมผ่านทางเว็บไซต์มากมาย