ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – “พันธมิตรฯ สงขลา” ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ วาดหวังรองรับการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จากที่เกาะกันแบบหลวมๆ ยกระดับขึ้นเป็นคณะกรรมการที่คัดสรรจากตัวแทนทุกภาคส่วน โดยมี “สรส.” เป็นแกนประสาน พร้อมรื้อจอโปรเจกเตอร์และเวทีเคลื่อนไหว ณ ลานประวัติศาสตร์หน้าสถานีรถไฟ เหลือไว้แต่เพียงสภากาแฟดู ASTV แต่เพื่อไม่ให้มวลชนห่างเหิน กำหนดจะเปิดเวทีให้แกนนำทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ วนเวียนขึ้นปราศรัยสลับศิลปินเพลงท้องถิ่นอย่างน้อยเดือนละครั้ง ล่าสุด 2 แกนนำรุ่น 1 “สมศักดิ์-สมเกียรติ” รับปากควงแขนมาขึ้นเวทีให้แล้ว
ภายหลังจากที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศชัยชนะเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา พร้อมยุติการชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดให้แก่คณะบุคคลในระบอบทักษิณ และขับไล่รัฐบาลทรราช ฆาตกร หุ่นเชิด ขายชาติ ภายใต้กรงเล็บของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดำเนินติดต่อกันมากว่า 6 เดือน ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง อันเป็นผลการต่อสู้ของภาคประชาชนได้นำไปสู่การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาให้ยุบพรรคการเมืองฟากฝั่งรัฐบาลนอมินี และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรครวม 3 พรรค คือ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยในที่สุด
ในส่วนของพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งได้เปิดจอโปรเจกเตอร์และตั้งเวทีร่วมเคลื่อนไหว แบบคู่ขนานกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด ณ ลานประวัติศาสตร์การเมืองภาคประชาชน หน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงแรกคณะทำงานพันธมิตรสงขลาฯ ยังได้คงการตั้งจอโปรเจกเตอร์และเวทีดังกล่าวนี้ไว้เพื่อรอประเมินสถานการณ์ และต้องการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนกับพี่น้องพันธมิตรฯในท้องถิ่นต่อไป แต่ปรากฏว่าเมื่อเหตุการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป และคณะทำงานพันธมิตรสงขลาฯ ได้ร่วมประชุมใหญ่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกันก็ได้ประกาศความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ออกมาเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
เปลี่ยนชื่อใหม่ให้เหมือนพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ
การประชุมใหญ่ของคณะทำงานพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย เพื่อประเมินสถานการณ์และพิจารณาการขับเคลื่อนต่อไปในภายหน้ามีขึ้น ณ สำนักงานสหภาพรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาหาดใหญ่ (สร.ร.ฟ.ท.สาขาหาดใหญ่) ในช่วงค่ำของวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้มีการปรับเปลี่ยนองค์กรพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตยในหลายๆ ด้านและถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ประกอบด้วย เช่น ให้มีการเปลี่ยนชื่อจากที่แตกต่างจากพันธมิตรฯ ในจังหวัดอื่นๆ ให้เป็นชื่อเรียกที่เหมือนกัน เพื่อให้สะดวกในการเรียกขาน เกิดความเข้าใจและจดจำได้ง่ายขึ้น โดยให้เปลี่ยนจาก “พันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย” ในชื่อเดิมเป็นชื่อว่า “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา” หรือเรียกขานในชื่อย่อว่า “พันธมิตรฯ สงขลา”
“การเปลี่ยนชื่อเรียกขานครั้งนี้ไม่ได้มีนัยะอะไรมากมาย ก็อย่างที่มติที่ประชุมบอกไว้แล้วว่า เราต้องการให้พี่น้องประชาชนเข้าใจและจดจำได้ง่ายๆ แล้วก็เหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ เพราะที่ผ่านมาการเกิดขึ้นของพันธมิตรสงขลาฯก็ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นๆ เขา อย่างตอนแรก ชื่อว่า พันธมิตรกู้ชาติ กู้ประชาธิปไตย สงขลา ซึ่งก็ยิ่งเข้าใจยากขึ้นไปใหญ่ ต่อมาเปลี่ยนเป็น พันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย แม้จะเข้าใจและจดจำง่ายขึ้น แต่ก็ยังแตกต่างจากชาวบ้านเขาอีก เมื่อเราเห็นร่วมกันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เวลานี้ เราก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนชื่อเรียกขานให้เหมือนชาวบ้านเขาเสียเลย” นายสุมิตร นวลมณี กรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้ประสานงานคณะกรรมการพันธมิตรฯ สงขลา ให้ความเห็นเพิ่มเติม
ยกระดับโครงสร้างสู่องค์กรที่มีตัวตนชัดเจน
นอกจากชื่อเรียกขานแล้ว ที่นับว่าสำคัญมากที่สุดก็คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรภายในของพันธมิตรฯ สงขลาเอง จากเดิมที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันแบบหลวมๆ ของเครือข่ายองค์กรภาคเอกชน องค์กรนักพัฒนา สื่อมวลชน ภาคธุรกิจและภาคประชาชน คณะบุคคลและบุคคลต่างๆ อย่างหลากหลาย และตั้งเป็นคณะทำงานขึ้นมารองรับ แต่จากมติการประชุมปลายสัปดาห์ที่แล้วได้ยกระดับขึ้นเป็นองค์กรพันธมิตรฯ สงขลาที่ค่อนข้างมีตัวตนที่ชัดเจนขึ้น โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารขึ้นมารวม 11 คนจากภาคส่วนต่างๆ แล้วมอบหมายให้ตัวแทน สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ในพื้นที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมประสานหลัก
นอกจากนี้แล้ว พันธมิตรฯ สงขลายังได้ขอใช้พื้นที่ของสำนักงาน สร.รฟท.สาขาหาดใหญ่ ตั้งเป็น ศูนย์ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา ขึ้นมารองรับการเคลื่อนไหวงานการเมืองภาคประชาชนที่ประเมินกันแล้วว่า นับวันมีแต่จะทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปนอกจากจะมีตัวตนที่ชัดเจนของพันธมิตรฯ สงขลาแล้ว ก็ยังมีสถานที่ตั้งศูนย์ประสานงานรองรับการขับเคลื่อนในด้านต่างๆ อีกด้วย
“ที่มีการปรับเปลี่ยนจากองค์กรที่เกาะเกี่ยวกันแบบหลวมๆ มาเป็นภาพขององค์กรที่มีความชัดเจนมายิ่งขึ้น คณะกรรมการพันธมิตรฯ สงขลาเราเห็นพ้องกันว่า การเมืองภาคประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่สงขลาเราขณะนี้ไม่สามารถหยุดได้แล้ว แถมมีแต่จะต้องขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่าขึ้นเรื่อยๆ โดยสภาพทางสังคมและการเมืองที่เวลานี้มีพันธมิตรฯ เกิดขึ้นมาทั่วทุกหัวระแหง สิ่งนี้ได้นำความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงต่อการเมืองของภาคประชาชน” นายสุมิตรกล่าวเสริม และว่า
แม้ในเวลานี้จะมีคณะกรรมการพันธมิตรฯ สงขลาเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งเป็นการยกระดับจากแก่นแกนองค์กรและบุคคลที่ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่คณะทำงานของพันธมิตรฯ สงขลาก็ยังคงมีอยู่ ไม่ได้หายไปไหน โดยประกอบด้วยตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ เหมือนเดิม หรือกล่าวให้ชัดก็คือ คณะกรรมการพันธมิตรฯ สงขลาจะทำหน้าที่ตัดสินใจในนโยบายหรือเรื่องสำคัญๆ แต่ในส่วนของคณะทำงานก็ยังคงมีบทบาทไม่ต่างจากที่เคยมีมา
รื้อเก็บจอโปรเจกเตอร์และเวทีชั่วคราว
นายสุมิตรกล่าวด้วยว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้วเช่นกันพันธมิตรฯ สงขลา ได้รื้อเก็บจอโปรเจกเตอร์ที่ติดตั้งให้ประชาชนชมมาตลอด 2 จอใหญ่ รวมถึงเวทีปราศรัยที่ติดตั้งประจำ ณ ลานประวัติศาสตร์การเมืองภาคประชาชนหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ไปแล้ว ด้วยเหตุผลส่วนหนึ่งจากที่มีการประเมินสถานการณ์กันแล้ว เรายังได้รับคำแนะนำจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยว่า ในเมื่อทางส่วนกลางยุติเวทีแล้ว พันธมิตรฯ ในจังหวัดต่างๆ ก็น่าที่จะขับเคลื่อนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
“ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนชาวพันธมิตรฯ สงขลาว่า การรื้อเก็บจอโปรเจกเตอร์และเวทีเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่ปิดไปแบบถาวรเลย เพราะหากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศชุมนุมหรือเคลื่อนไหวอะไรครั้งใหม่ เรายืนยันว่าเราพร้อมที่จะเปิดจอโปรเจกเตอร์และเวทีขึ้นมาใหม่ได้ทุกเวลา ตอนนี้ผลจากที่พ่อแม่พี่น้องช่วยเหลือพันธมิตรฯ สงขลามาต่อเนื่อง ทั้งจอโปรเจกเตอร์ เวที เครื่องเสียง เต็นท์ เก้าอี้ รวมถึงเครื่องปั่นไฟและอุปกรณ์ต่างๆ วันนี้เป็นทรัพย์สินของพันธมิตรฯ สงขลาแล้ว ดังนั้นเราจึงกล้าพูดว่าเราพร้อมขับเคลื่อนได้ทุกเวลา”
21 ธ.ค.นี้ตั้งเวทีใหญ่รับ “สมศักดิ์-สมเกียรติ”
กรรมการและผู้ประสานงานพันธมิตรฯ สงขลา กล่าวอีกว่า จากการที่ที่ประชุมคณะกรรมการพันธมิตรฯ สงขลามีมติให้มีการจัดกิจกรรมการเมืองภาคประชาชนในทุกๆ เดือน หรืออย่างน้อยที่สุดให้ได้เดือนละครั้ง เพื่อหล่อเลี้ยงพี่น้องมวลชนพันธมิตรฯ สงขลาไม่ให้ห่างหาย และเพื่อคลายความเหงาของพ่อแม่พี่น้องที่เคยร่วมต่อสู้กันมากว่า 6 เดือนนั้น ตอนนี้กิจกรรมครั้งแรกๆ ได้ถูกกำหนดขึ้นและได้ข้อสรุปเป็นที่แน่นอนแล้วว่า จะจัดก่อนสิ้นปีนี้คือ พันธมิตรฯ สงขลาจะเปิดเวทีใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม ณ ลานประวัติศาสตร์ หน้าสถานีรถไฟเช่นเดิม
สำหรับวิทยากรหลักที่จะมาขึ้นเวทีปราศรัยครั้งนี้ ได้รับการตอบรับอย่างเป็นทางการมาแล้ว 2 คนคือ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งเป็น 2 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่นที่ 1 โดยอาจจะมีการเชิญวิทยากรในพื้นที่ขึ้นประกบด้วย สลับกับการแสดงดนตรีเพื่อชีวิตของพี่น้องศิลปินเพลงเพื่อชีวิตในพื้นที่ ช่วงเวลาจัดงานก็ตั้งแต่แดดร่มลมตกเป็นต้นไป หรือประมาณ 16.00-22.00 น. จึงอยากเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯ สงขลาและใกล้เคียงเข้าร่วมเวทีในครั้งนี้ด้วย