กระบี่ - การค้าภายในกระบี่ชี้ความต้องการกาแฟของตลาดสูง ฉุดราคาพุ่ง คาดไม่ต่ำกว่า 65-70 บาท ในฤดูกาลผลิตนี้
นายอรุณ ไม้ทิพย์ การค้าภายในจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับผลผลิตกาแฟในฤดูกาลผลิต ปีนี้ 51 ราคาค่อนข้างดี โดยคาดว่าราคารับซื้ออยู่ที่ราคาประมาณ 67 บาท/กิโลกรัม ถึงแม้ว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากกว่าฤดูกาลผลิตปีที่ผ่านมาก็ตาม เนื่องจากน้ำฝนอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ไม่มีผลทำให้ราคากาแฟตกต่ำอย่างแน่นอน และจะมีราคาสูงอย่างนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการของตลาด ทั้งในและต่างประเทศยังมีความต้องการสูง เกินโควตาผลผลิตที่มีอยู่ภายในประเทศ โดยตลาดมีความต้องการสูงถึงประมาณ 60,000 ตัน แต่ผลผลิตของเกษตรกรในฤดูกาลผลิตปีนี้ 51 เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 50,000 ตัน
การค้าภายในจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า สำหรับจังหวัดกระบี่ ฤดูกาลผลิตปีนี้คาดว่ามีผลผลิตกาแฟออกสู่ตลาด ประมาณ 2,300 ตัน จากพื้นที่ปลูกทั้งหมด กว่า 15,000 ไร่ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้พื้นที่ปลูกลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านๆมา เนื่องจากพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่น เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผลผลิตมีราคาดีมาก ประกอบกับเป็นช่วงที่พืชผลกาแฟมีราคาตก จึงทำให้เกษตรกร โค่นต้นกาแฟ หันไปปลูกพืชที่ให้ผลิตที่แพงกว่าทดแทน และไม่คาดคิดว่าราคากาแฟจะกลับสูงขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ เป็นการสวนทางกับตลาดพืชทางการเกษตรชนิดอื่น
สำหรับผลผลิตกาแฟจะออกมากและเก็บเกี่ยวได้ประมาณ ช่วงเดือนธันวาคม และคาดว่าตลอดฤดูกาลผลิตนี้ราคาคงจะดีตลอด จึงไม่น่าเป็นห่วงเหมือนอย่างกับพืชทางด้านเกษตรอื่น เช่น ยางพารา หรือปาล์มน้ำมันที่ราคาต่ำลงทุกวัน จนเกษตรกรบางพื้นที่เริ่มชะลอการกรีดแล้ว เนื่องจากไม่คุ้มทุน โดยราคายางพารา ปัจจุบัน ยางแผ่นดิบ ราคาประมาณ 30 กว่าบาท น้ำยาง สด ราคา ประมาณ 20 กว่าบาท ส่วนเศษยาง ราคาประมาณ 10 บาท ซึ่งราคานี้ เป็นราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่ซื้อกันตามท้องถิ่น โดยราคาต้นทุนการผลิตยางพาราประมาณการณ์ อยู่ที่ กก.ละ 52 บาท
นายอรุณ ไม้ทิพย์ การค้าภายในจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับผลผลิตกาแฟในฤดูกาลผลิต ปีนี้ 51 ราคาค่อนข้างดี โดยคาดว่าราคารับซื้ออยู่ที่ราคาประมาณ 67 บาท/กิโลกรัม ถึงแม้ว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากกว่าฤดูกาลผลิตปีที่ผ่านมาก็ตาม เนื่องจากน้ำฝนอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ไม่มีผลทำให้ราคากาแฟตกต่ำอย่างแน่นอน และจะมีราคาสูงอย่างนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการของตลาด ทั้งในและต่างประเทศยังมีความต้องการสูง เกินโควตาผลผลิตที่มีอยู่ภายในประเทศ โดยตลาดมีความต้องการสูงถึงประมาณ 60,000 ตัน แต่ผลผลิตของเกษตรกรในฤดูกาลผลิตปีนี้ 51 เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 50,000 ตัน
การค้าภายในจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า สำหรับจังหวัดกระบี่ ฤดูกาลผลิตปีนี้คาดว่ามีผลผลิตกาแฟออกสู่ตลาด ประมาณ 2,300 ตัน จากพื้นที่ปลูกทั้งหมด กว่า 15,000 ไร่ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้พื้นที่ปลูกลดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านๆมา เนื่องจากพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่น เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผลผลิตมีราคาดีมาก ประกอบกับเป็นช่วงที่พืชผลกาแฟมีราคาตก จึงทำให้เกษตรกร โค่นต้นกาแฟ หันไปปลูกพืชที่ให้ผลิตที่แพงกว่าทดแทน และไม่คาดคิดว่าราคากาแฟจะกลับสูงขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ เป็นการสวนทางกับตลาดพืชทางการเกษตรชนิดอื่น
สำหรับผลผลิตกาแฟจะออกมากและเก็บเกี่ยวได้ประมาณ ช่วงเดือนธันวาคม และคาดว่าตลอดฤดูกาลผลิตนี้ราคาคงจะดีตลอด จึงไม่น่าเป็นห่วงเหมือนอย่างกับพืชทางด้านเกษตรอื่น เช่น ยางพารา หรือปาล์มน้ำมันที่ราคาต่ำลงทุกวัน จนเกษตรกรบางพื้นที่เริ่มชะลอการกรีดแล้ว เนื่องจากไม่คุ้มทุน โดยราคายางพารา ปัจจุบัน ยางแผ่นดิบ ราคาประมาณ 30 กว่าบาท น้ำยาง สด ราคา ประมาณ 20 กว่าบาท ส่วนเศษยาง ราคาประมาณ 10 บาท ซึ่งราคานี้ เป็นราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่ซื้อกันตามท้องถิ่น โดยราคาต้นทุนการผลิตยางพาราประมาณการณ์ อยู่ที่ กก.ละ 52 บาท