สงขลา – ปชช.ชะตาขาดราคายางพาราลดถอย 70% อยู่ที่ 27-30 บาท ขอรัฐบาลชุดใหม่อย่างเร่งด่วน เข้ามาแก้ปัญหาจัดงบประมาณซื้อน้ำยางในราคา 40 บาท ปชช.ถึงอยู่รอด
นายเพิก เลิศวางพงศ์ ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) กล่าวว่า ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ เพราะว่าขณะนี้ไม่มีรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะต้องมีรัฐบาลอย่างเร่งด่วน เดิมนั้นมีแนวทางการแก้ไขแล้วคือรัฐบาลใช้งบประมาณ 2,000 ล้าน เข้ามากว้านซื้อยางพาราจากเกษตรกร จำนวน 50,000 ตัน จากตลาดในราคา 40 บาท / กก. เป็นแนวทางของคณะกรรมการการแก้ไขปัญหายางพาราแห่งชาติ ที่ได้ดำเนินการมาถูกทางแล้ว และดำเนินแล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และมีความพร้อมหมดแล้ว สถานที่เก็บยาง คณะทำงานขาดแต่เพียงรัฐมนตรีอนุมัติ เพราะไม่มีรัฐบาล
“รัฐบาลใหม่จะต้องดำเนินการอย่างทันท่วงที ขณะที่ราคาถอยลงมาอยู่ที่ 27-30 บาท/กก.เพราะขาดกลไกเจ้าภาพที่จะดำเนินการ โดยเฉพาะเจ้ากระทรวงสั่งในการปฏิบัติการ ดังนั้นจะต้องมีรัฐบาลเร็วที่สุด”
นายเพิก ยังกล่าวอีกว่า นโยบายต่อไปคือการงดการส่งยางออกต่างประเทศในระดับหนึ่ง เพื่อให้ตรงต่อความต้องการของตลาดโลก ต้องการยางพาราจริง หรือปรับการส่งออกให้น้อยลงกว่าความต้องการของตลาดโลก พร้อมประสานงานไปยังเจ้าของสวนยางพารา ลดการกรีดยางลง และโค่นต้นยางพาราที่ครบอายุ
“หากยังเป็นเช่นนี้ โดยการซื้อยางพาราในราคาที่ถดถอยลงทุกวัน มีเท่าไหร่ซื้อหมดแล้วเก็บเอาไว้ในสต็อกต่อไปเมื่อกรีดยางพารามาแล้วขายออกไปก็จะไม่ได้ราคา เพราะยังมียางเก่าเก็บไว้ในสต็อกเป็นจำนวนมาก”
ทุกวันนี้ยางพารานั้นวัตถุดิบราคาต่ำลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อผลิตเป็นยางรถยนต์ แต่ราคายังคงเดิมคือเส้นละ 2,000 บาท ความจริงต้นทุนการผลิตคือยางพาราลดลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ยางรถยนต์ก็ตกอยู่ที่เส้นละ 600 บาท แต่กลับยังไม่ลดราคาแต่อย่างใด
รายงานข่าวจากตลาดกลางยางพารา กรมวิชาการเกษตร ว่า ราคาประมูลวันที่ 8 ธค. ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ แผ่นดิบ 30.71 บาท และรมควัน 33.35 บาท/กก. สุราษฎร์ 31.51 บาท และ 31.59 บาท นครศรีธรรมราช แผ่นดิบราคา 30.71 บาท และรมควัน 32.89 บาท/กก. น้ำยางสด 31 บาท/กก.
นายเพิก เลิศวางพงศ์ ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) กล่าวว่า ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ เพราะว่าขณะนี้ไม่มีรัฐบาล เพราะฉะนั้นจะต้องมีรัฐบาลอย่างเร่งด่วน เดิมนั้นมีแนวทางการแก้ไขแล้วคือรัฐบาลใช้งบประมาณ 2,000 ล้าน เข้ามากว้านซื้อยางพาราจากเกษตรกร จำนวน 50,000 ตัน จากตลาดในราคา 40 บาท / กก. เป็นแนวทางของคณะกรรมการการแก้ไขปัญหายางพาราแห่งชาติ ที่ได้ดำเนินการมาถูกทางแล้ว และดำเนินแล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และมีความพร้อมหมดแล้ว สถานที่เก็บยาง คณะทำงานขาดแต่เพียงรัฐมนตรีอนุมัติ เพราะไม่มีรัฐบาล
“รัฐบาลใหม่จะต้องดำเนินการอย่างทันท่วงที ขณะที่ราคาถอยลงมาอยู่ที่ 27-30 บาท/กก.เพราะขาดกลไกเจ้าภาพที่จะดำเนินการ โดยเฉพาะเจ้ากระทรวงสั่งในการปฏิบัติการ ดังนั้นจะต้องมีรัฐบาลเร็วที่สุด”
นายเพิก ยังกล่าวอีกว่า นโยบายต่อไปคือการงดการส่งยางออกต่างประเทศในระดับหนึ่ง เพื่อให้ตรงต่อความต้องการของตลาดโลก ต้องการยางพาราจริง หรือปรับการส่งออกให้น้อยลงกว่าความต้องการของตลาดโลก พร้อมประสานงานไปยังเจ้าของสวนยางพารา ลดการกรีดยางลง และโค่นต้นยางพาราที่ครบอายุ
“หากยังเป็นเช่นนี้ โดยการซื้อยางพาราในราคาที่ถดถอยลงทุกวัน มีเท่าไหร่ซื้อหมดแล้วเก็บเอาไว้ในสต็อกต่อไปเมื่อกรีดยางพารามาแล้วขายออกไปก็จะไม่ได้ราคา เพราะยังมียางเก่าเก็บไว้ในสต็อกเป็นจำนวนมาก”
ทุกวันนี้ยางพารานั้นวัตถุดิบราคาต่ำลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อผลิตเป็นยางรถยนต์ แต่ราคายังคงเดิมคือเส้นละ 2,000 บาท ความจริงต้นทุนการผลิตคือยางพาราลดลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ยางรถยนต์ก็ตกอยู่ที่เส้นละ 600 บาท แต่กลับยังไม่ลดราคาแต่อย่างใด
รายงานข่าวจากตลาดกลางยางพารา กรมวิชาการเกษตร ว่า ราคาประมูลวันที่ 8 ธค. ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ แผ่นดิบ 30.71 บาท และรมควัน 33.35 บาท/กก. สุราษฎร์ 31.51 บาท และ 31.59 บาท นครศรีธรรมราช แผ่นดิบราคา 30.71 บาท และรมควัน 32.89 บาท/กก. น้ำยางสด 31 บาท/กก.