xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสวนยางยะลาชะลอขายยางพาราหลังราคาตกวูบ- วอนรัฐบาลรีบแก้ไข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยะลา – ตลาดกลางยางพารา จ.ยะลาเงียบเหงา ชาวสวนยางชะลอนำยางขายรอท่าทีราคายางปรับสูงขึ้น หลังราคายางตกต่ำ กว่าเท่าตัว

จากปัญหาราคายางพาราได้ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 100 บาท ซึ่งในขณะนี้ราคายางพาราเหลือเพียงกิโลกรัมละประมาณ 48 บาทเท่านั้น จนทำให้เกิดปัญหากับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีอาชีพการทำสวนยางพาราเป็นอาชีพหลัก ทำให้เกษตรกรมีภาระเพิ่มมากขึ้น รายรับน้อยลงกว่าเดิม ส่วนรายจ่ายยังคงเท่าเดิมทำให้ได้รับความเดือดร้อน เพิ่มเป็นสองเท่าเพราะคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสบกับปัญหาความไม่สงบที่สร้างความบอบช้ำมาแล้ว ยังต้องประสบกับปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำอีก

นายเมธี สุภัทรชัยวงศ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับซื้อยางพารา ตลาดกลางยางพารายะลา เปิดเผยว่า จากการที่ได้พูดคุยกับชาวบ้านที่มาขายยางพารา ในช่วงที่ราคายางพาราตกต่ำ ชาวบ้านที่มาขายยางส่วนหนึ่งก็ จำเป็นที่ต้องออกมาขายยางพารา เพราะเป็นอาชีพหลัก อาชีพของเกษตรกรทำสวนยาง ซึ่งในภาคใต้การทำสวนยางพาราเป็นอาชีพหลัก ยังมีชาวบ้านส่วนหนึ่งได้กักตุน รอให้ราคายางพารา ที่อาจจะสูงขึ้น คนที่สามารถรอได้คือคนที่ยังพอมีเงินออมไว้ จากที่เคยขายยางพาราในช่วงที่ยางพารายังมีราคาสูง และมีอาชีพเสริม แต่ชาวบ้านที่ไม่มีเงินออมเก็บไว้ หรือไม่มีอาชีพเสริม จึงต้องขายยางพาราไม่ว่าราคายางจะลดลงแค่ไหนก็ต้องออกมาขาย เพราะต้องใช้เงินมาจ่ายในชีวิตประจำวัน

นายเมธี กล่าวต่ออีกว่า ชาวบ้านบางรายทำสวนยางพาราเพียงอย่างเดียว มีภาระหน้าที่ ที่ต้องส่งลูกหลานเรียนหนังสือ ผ่อนรถยนต์ ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และอีกหลายๆ อย่าง ส่วนราคายางนั้นในช่วงนี้ตกลงมาเกินครึ่ง จากที่เคยอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 100 บาท ซึ่งในขณะนี้ ราคายางพาราเหลือเพียงกิโลกรัมละประมาณ 48 บาทกว่า จากการประเมินดูแล้วแนวโน้มของราคายางพารามีโอกาสที่จะลดลงอีกเรื่อยๆ ถ้าดูจากสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ปัญหาเศรษฐกิจเกิดผลกระทบทั่วโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา มาจนถึงประเทศ จีน และอีกหลายประเทศ

นายอำพัน สัญญากิจ เกษตรกรสวนยางพาราในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่มาขายยางพาราที่ตลาดกลางยางพารายะลา กล่าวว่า ตนเองมีสวนยางพารา 15 ไร่ และทำสวนยางพาราเพียงอย่างเดียว ไม่มีอาชีพเสริม เมื่อราคายางพารามีราคาตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อครอบครับเป็นอย่างมาก ในแต่ละเดือนตนเองสมารถนำยางแผ่นมาขาย ได้ครั้งละ 400 กิโลกรัม คิดเป็นเงินก็ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท

เมื่อราคายางลดลงมาก ตนเองขายยางพาราเหมือนเดิม คือ 400 กิโลกรัม คิดเป็นเงินแล้ว ได้ประมาณ 1 หมื่นกว่าบาท เท่านั้น รายรับที่น้อยลง แต่รายจ่ายยังคงเท่าเดิม ต้องส่งลูกเรียนหนังสืออีกหลายคน ทำให้ครอบครับเดือดร้อน อยากให้ทางรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาด้วย อยากให้ราคายางพาราเพิ่มมากขึ้น และให้ราคาปุ๋ยถูกลง เพราะคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างก็บอบซ้ำกับสถานการณ์ความไม่สงบมากพออยู่แล้ว อย่าให้มีเรื่องมาซ้ำเติมอีก




กำลังโหลดความคิดเห็น