ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – เปิดปูมประวัติ 2 วีรชนคนกล้าที่ได้ทำหน้าที่ทหารเสือพระราชาและพระราชินีได้อย่างสมภาคภูมิ ก่อนที่จะสละชีพเพื่อพิทักษ์ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข “กมลวรรณ หมื่นหนู” และ “รณชัย ไชยศรี” บนเส้นทางชีวิตทั้งคู่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ใฝ่ดี กตัญญูกตเวที มากมายไปด้วยการอุทิศตนอย่างเสียสละเพื่อสร้างการเมืองใหม่ ซึ่งแม้เรือนร่างจะกลายเป็นเถ้าถ่านระหว่าง 8-9 ธ.ค.นี้ แต่คุณงามความดีจะจารึกไว้ในใจผองพี่น้องพันธมิตรฯ ไปนิรันดร์
วันนี้( 8 ธ.ค.)เรือนร่างอันไร้วิญญาณของ “กมลวรรณ หมื่นหนู” หรือ “น้องโบ” ได้ถูกนำขึ้นสู่เชิงตะกอน ณ เมรุวัดทะเลน้อย ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ขณะที่วันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.) จะตามติดมาด้วยการฌาปนกิจร่างไร้วิญญาณของ “รณชัย ไชยศรี” หรือที่คนในครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายเรียกขานกันว่า “ไข่ดำ” แต่เพื่อนๆ ที่เรียนมาด้วยกันเรียกว่า “ชัย” ณ เมรุวัดคูหา ต.คูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
ทั้ง “โบ” และ “ชัย” ได้รับการสดุดีอย่างจริงใจจากพี่น้องพันธมิตรฯที่ยืนหยัดต่อสู้กับรัฐบาลทรราชในระบอบทักษิณมาอย่างยาวนานว่า ทั้งคู่คือ “วีรสตรี” และ “วีรบุรุษ” ผู้หาญกล้าและเสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และดำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พิธีปลงศพของวีรสตรีและวีรบุรุษของผองพี่น้องพันธมิตรฯ ในช่วง 2 วันดังกล่าวนี้ คาดว่าจะมีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมอย่างมืดฟ้ามัวดิน เนื่องจากมี 2 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เดินทางมาร่วมด้วยคือ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กับ อาจารย์ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการนัดแนะกันของผองพี่น้องพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่พัทลุงและจังหวัดใกล้เคียงว่าจะนำคณะเดินทางเข้าร่วมส่งวิญญาณ 2 วีรชนคนกล้าสู่สรวงสวรรค์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องพันธมิตรฯสงขลา สตูล ตรัง นครศรรธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชุมพร รวมถึงจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
“โบ” นี้สี “น้ำเงิน”
สำหรับ น.ส.กมลวรรณ หมื่นหนู หรือน้องโบ เธอเสียชีวิตจากน้ำมือรัฐบาลทรราช หุ่นเชิด ขายชาติ ทาสระบอบทักษิณ ด้วยวัยเพียง 27 ปี พื้นเพเป็นชาว ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นบุตรสาวของนายวิชาญ-นางกัญญา หมื่นหนู โบเป็นพี่สาวคนโต ซึ่งมีน้องชายและน้องสาวอีก 2 คนคือ นายพิชิตพล หมื่นหนู กับ น.ส.วิชุดา หมื่นหนู
น้องโบจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพาณิชย์พระนคร ก่อนเสียชีวิตเธอทำงานในตำแหน่งพนักงานบัญชีของบริษัทซูซูกิที่กรุงเทพฯ และได้ส่งเงินช่วยเหลือเจือจุนพ่อแม่พี่น้องเดือนละ 5,000 บาทเป็นอย่างน้อย นี่จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าโบมีนิสัยใจคอและยอดกตัญญูอย่างไร
ถึงแม้การจากไปของโบในครั้งนี้จะสร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ครอบครัวหมื่นหนูเป็นอย่างมาก แต่ด้วยจิตที่เป็นกุศลและเป็นความประสงค์ของโบเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ โบได้บริจาคอวัยวะเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยรายอื่นๆ ไว้หลายชีวิต ซึ่งทีมแพทย์ได้ผ่าตัดดวงตา หัวใจ ตับ และไตทั้ง 2 ข้าง มอบผ่านสภากาชาดไทยไปช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว ถือเป็นการสร้างกุศลและทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ตราบจนลมหายใจในวาระสุดท้ายของชีวิตโบ
นางพรชุลี คงขวัญ ญาติโบที่ไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล และเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับโบ เล่าว่า ตนกับโบได้ไปร่วมชุมนุมกู้ชาติกับพี่น้องพันธมิตรฯ จากทั่วประเทศในกรุงเทพฯ ด้วยกัน 2 คนเป็นประจำ ซึ่งก็ได้เริ่มมาตั้งแต่ครั้งแรกในช่วงปี 2549 แล้ว แม้ว่าจะมีข่าวว่ามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบทำร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ อยู่บ่อยๆ ขนาดลอบโจมตีด้วยระเบิดหลากหลายชนิดก็มีให้เห็นแล้ว แต่โบก็ไม่เคยแสดงอาการกลัวหรือหวาดวิตกแต่อย่างใด มีแต่จะมุ่งมั่นไปเพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
“โบเป็นคนที่มีจิตใจเป็นกุศล ชอบช่วยเหลือคนอื่น ล่าสุดโบได้บริจาคเลือด รวมถึงได้บริจาคอวัยวะ ดวงตา หัวใจ ตับ และไตทั้ง 2 ข้าง มอบผ่านสภากาชาดไทย เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยรายอื่นอีกหลายชีวิต เรื่องนี้เป็นที่ซึ้งใจของทุกคนอย่างมาก”
นางกัญญา หมื่นหนู แม่ของโบ กล่าวว่า โบสนใจในเรื่องการเมืองและไปร่วมชุมนุมตั้งแต่เริ่มแรกที่พันธมิตรฯ ลุกขึ้นสู้กับระบอบทักษิณ ซึ่งทางบ้านก็ห้ามว่าไม่ให้ไป เพราะเกรงอันตราย แต่โบบอกว่าไม่เป็นไร ไปทำเพื่อพิทักษ์ปกป้องรัฐธรรมนูญและสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งโบทำงาน ช่วยเหลือพ่อแม่เสมอมา โดยส่งเสียให้น้องๆ ได้เรียน โบเป็นคนร่าเริง นิสัยดี กตัญญู รักครอบครัว
“รู้สึกเสียใจ แต่ก็ภูมิใจที่ลูกได้ช่วยชาติ ได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ก็ขอให้ลูกไปให้สบาย ไม่ต้องเป็นห่วงข้างหลัง” นางกัญญากล่าว
นายพิชิตพล หมื่นหนู น้องชายโบ เสริมว่า คนที่ไปกับพี่โบโทร.มาบอกว่าพี่โบโดนระเบิด ตนก็เลยตามไปที่โรงพยาบาล ตอนนั้นพี่โบอยู่ห้องไอซียู หมอบอกว่าพี่อาการน่าเป็นห่วง ซึ่งก่อนหน้านี้พี่โบเคยชวนไปร่วมชุมนุมด้วย พี่โบบอกว่าชอบแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และชอบ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ มาก เวลาจะไปก็โทรไปถามก่อนว่า อ.สมเกียรติขึ้นเวทีหรือยัง เพื่อจะรีบไปให้ทัน
“พอทราบข่าวก็รู้สึกตกใจ ไม่นึกว่าจะเป็นพี่ของผม ส่วนพี่โบเป็นคนที่ส่งเงินให้ผมเรียนหนังสือ และส่งให้พ่อและแม่ทุกเดือน พี่โบเป็นคนที่นิสัยดี รักครอบครัว ก็ขอให้พี่โบไปสบาย ไม่ต้องห่วงข้างหลัง ผมจะทำหน้าที่แทนพี่โบทุกอย่าง ก็รู้สึกภูมิใจในตัวพี่โบที่ได้ออกไปใช้สิทธิเสรีภาพของคนไทยตามรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญและสถาบันพระมหากษัตริย์” นายพิชิตพลกล่าว
แม่ขอให้ “ไข่ดำ” ไปอารักขา “พระพี่นางฯ
ด้านนายรณชัย ไชยศรี หรือน้องไข่ดำ หรือน้องชัย วีรชนผู้พลีชีพเพื่อชาติจากการถูกลอบยิงด้วยระเบิด เอ็ม 79 ดับคาที่ระหว่างทำหน้าที่การ์ดอาสาให้แก่พี่น้องพันธมิตรฯที่สนามบินดอนเมืองในคืนวันที่ 2 ธันวาคม ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำพิพากษาให้ยุบ 3 พรรคการเมืองทาสระบอบทักษิณ คือ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทยและพรรคมัฌชิมาธิปไตยเพียงไม่กี่ชั่วโมง
นายรณชัยเสียชีวิตด้วยวัย 29 ปี เป็นบุตรของนายอุทัย-นางบุญสม ไชยศรี มีพี่ชาย 1 คนคือ นายคมสันต์ ไชยศรี เขาจบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล นครศรีธรรมราช ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และกำลังศึกษาปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน แต่ยังไม่ทันจบเพื่อได้รับการเรียกขานด้วยคำนำหน้าชื่อว่า ด็อกเตอร์ ก็มีอันต้องจากพรากไปเสียก่อน
ขณะร่ำเรียนอย่างเคร่งเครียด นายรณชัย ก็หารายได้ด้วยการรับจ้างพิมพ์งานคอมพิวเตอร์เพื่อส่งตัวเองไปด้วย เพราะเป็นคนที่ถนัดการใช้คอมพ์เป็นอย่างมาก และมุ่งมั่นที่จะเป็นภาระให้แก่ครอบครัวน้อยที่สุด
แม้จะเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยพูดค่อยจา ชอบอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ในด้านการต่อสู้กับระบอบทักษิณแล้ว ชัยของเพื่อนๆ ถือว่าอยู่ในแนวหน้า ขณะเรียนที่ มอ.หาดใหญ่ ที่ตอนนั้นยังไม่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชัยก็ร่วมเคลื่อนไหวเพื่อสร้างการเมืองใหม่กับเพื่อนๆ มาตลอด พอล่วงปี 2549 ก็ยิ่งทุ่มเทให้กับการเคลื่อนไหวของพี่น้องพันธมิตรฯ ที่มีการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
บ่อยครั้งที่ไข่ดำของพ่อแม่เดินทางไปร่วมชุมนุมกับพี่น้องพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ โดยแม่มักจะหาข้ออ้างต่างๆ นานาเพื่อทัดทานไว้ แต่ก็ไม่ค่อยจะเป็นผลนัก เช่น เขาเกิดปีมะแม แม่จะพร่ำบอกว่าปีนี้จะถึงคราวเคราะห์ มีที่ได้ผลบ้างก็คือแม่ใช้วิธีการหลอกว่ายายไม่สบายให้กลับมาดูแล แต่ไข่ดำก็ยังเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของการชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯ อยู่ตลอด
“ล่าสุดไข่ดำเขาได้กลับมาบ้านช่วง 2 เดือนที่แล้ว และได้มีปากเสียงกับพี่ชายเล็กน้อย เพราะพี่ชายเป็นห่วง ไม่อยากให้ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดอันตราย แต่เขาก็บอกกับพี่ชายว่า เราเกิดหนเดียว ตายหนเดียว อยากให้พ่อแม่ภูมิใจ คิดว่าสิ่งที่เขาทำนี้ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว” พี่สะใภ้ของนายรณชัยเล่าให้ฟังและเพิ่มเติมว่า
นายรณชัยไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลมาหลายครั้ง และเมื่อได้มีการดาวกระจายไปหลายจุด เขาก็ได้ไปปักหลักชุมนุมอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ส่วนใหญ่จะไปกับกลุ่มเพื่อนสนิทและแฟน ซึ่งเขาได้พูดกับแฟนไว้ว่า จะจดทะเบียนกันก่อน และรอให้เรียนจบปริญญาเอกก่อนแล้วค่อยแต่งงาน
“เบอร์โทรศัพท์สุดท้ายที่นายรณชัยโทร.หาคือ แม่และก็แฟน ซึ่งวันที่เขาเสียชีวิตแฟนเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เพราะไปเที่ยวเชียงใหม่ และได้ชวนเขาไปด้วยแล้ว แต่เขาไม่อยากไป และอ้างว่าต้องดูแลสุนัขที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน เพราะไข่ดำเขาเป็นคนที่รักสุนัขมาก”
นางบุญสม ไชยศรี แม่ของนายรณชัย กล่าวด้วยน้ำตาคลอว่า รณชัยเคยบอกกับตนว่า ที่เขาอยากเข้าร่วมการต่อสู้กับพี่น้องพันธมิตรฯ เพราะเขาสงสารในหลวง ตนได้บอกไปว่าคนคน เดียวช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะเราไปมือเปล่า แต่พวกรัฐบาลมันมีปืน เราจะไปสู้อะไรเขาได้ แต่เขาก็บอกว่าถ้าไม่ตายตอนนี้ ตอนหลังก็ต้องตาย และถ้าได้ตายเพื่อชาติ เพื่อในหลวงเขาก็ยอม พ่อแม่จะได้ภูมิใจด้วย
“ก็ขอให้ลูกหลับให้สบาย ให้ไปเป็นทหารคอยอารักขาพระพี่นางฯ ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อแม่กับพี่ และคนข้างหลัง พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวของลูกมากที่สุด” นางบุญสมกล่าวทิ้งท้าย