ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ผู้ว่าฯภูเก็ต” มอบนโยบาย “90 วันพ้นภัยยาเสพติด” เน้นสานต่อนโยบายรัฐบาล สั่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยช่วยกันทำงาน หวังแก้ปัญหายาเสพติดระยะยาว โอดกรณี ป.ป.ส.จับเฮโรฮีนล็อตใหญ่ได้ในพื้นที่ อาจถูกกลุ่มผู้ค้ามองเป็นแหล่งพักยาแห่งใหม่
วันนี้ (13 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมการมอบนโนบาย และแนวทางดำเนินงานการปฏิบัติการ “90 วันพ้นภัยยาเสพติด” ที่ห้องประชุมศาลากลาง (หลังใหม่) โดยมีคณะกรรมการ ศตส.หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้กำกับสถานีตำรวจทุกสถานี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเร่งด่วนไม่เฉพาะใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของคนทั้งโลก การดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นในระยะ 3 เดือนนี้ ทุกภาคส่วนจะต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ข้อมูลต่างๆ จะต้องมีความชัดเจน ความต่อเนื่อง ซี่งการดำเนินการป้องปรามปัญหายาเสพติดในปี 2552 ทางจังหวัดเน้นดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
โดยในปี 2552 รัฐบาลกำหนดมาตรการแนวทางดำเนินการ 8 ข้อด้วยกัน คือ 1.การสกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดทางชายแดน 2.การปราบปราม และบังคับใช้กฎหมาย 3.การบำบัด และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยา 4.การป้องปรามการใช้ยาเสพติดในกลุ่มเสี่ยงทั่วไป เช่น กลุ่มวัยรุ่น และตามสถานศึกษา
5.มาตรการแก้ไขปัญหาพื้นที่เฉพาะ เช่น กทม.และตามแนวเตข็บชายแดนพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ซ้ำซาก 6.การบูรณาการทำงานร่วมกันของท้องถิ่น ประชาชน และภาครัฐ 7.การบริหารจัดการทำงานของ ศตส.ในการป้องปราม และแก้ปัญหายาเสพติด และ 8.การบูรณการแผนงาน งบประมาณ และแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติ เพื่อนไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ จะต้องได้รับความร่วมมือกันจากหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อจับกุมผู้เสพได้แล้วจะต้องขยายผลไปยังผู้ค้า จากผู้ค้ารายย่อย นำไปสู่ผู้ค้ารายใหญ่ จะเป็นการลดจำนวนของผู้ลง รวมทั้งบุคลากรในสถานศึกษาต่างๆ สถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หรือแม้แต่ในภาคประชาชนที่จะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
สำหรับแนวทางที่รัฐบาลเน้นให้สถานศึกษานำไปปฏิบัติ คือ ให้ความรู้เรื่องยาเสพติด ใช้วิธีการสอนให้เด็กกลัว หรือเกลียดยาเสพติด โดยเฉพาะบุหรี่ ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของการนำมา ซึ่งติดสารเสพติดชนิดอื่นๆ และตรวจพบผู้เสพยาเสพติดในสถานศึกษา จะต้องประสานงานไปยังสาธารณสุขจังหวัดทันที เพื่อจะได้รับการบำบัดอย่างทันท่วงที
และเมื่อพ้นโทษไปแล้ว ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต จะมีชุดติดตามพฤติกรรมบุคคลเหล่านั้นเป็นเวลา 1 ปี เพราะที่ผ่านมาหลายรายไม่เกิน 1-5 เดือน ก็กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก และถ้าผู้ติดยาต้องการจะทำ จะมีศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดภูเก็ต รองรับ ทำการฝึกอบรมวิชาชีพ โดยทางศูนย์ฯ จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด และเร็วๆ นี้ ทางจังหวัดจะจัดโครงการ “พบผู้ว่าหน้าเสาธง” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ผู้ว่าฯ เดินทางไปพบปะเด็กนักเรียนด้วยตัวเอง ส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องลงพื้นที่สำรวจเดือนละ 1 ครั้ง และต้องรายงานส่งให้ทจังหวัดทราบทุกครั้ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต่อไปว่า ส่วนมาตรการจัดการกับผู้ค้า ผู้เสพ จะต้องให้หลักกฎหมาย หลักนิติธรรมเข้ามาปฏิบัติ ซึ่งการจับกุมผู้ค้าจะหลีกเลี่ยงการล่อซื้อ เพราะจะเป็นการเพิ่มปริมาณการนำเข้าของยาเสพติดมากขึ้น ที่สำคัญ เมื่อจับกุมผู้กระทำผิดได้ต้องยึดทรัพย์เป็นอันดับแรก
ไม่ว่าจะน้อย หรือมากก็ตาม หลายรายเมื่อโดนจับกุมแล้วก็ได้รับการประกันตัวออกมา ไม่ว่าจะด้วยหลักทรัพย์ของตนเอง หรือพวกพ้องที่เป็นข้าราชการ ซึ่งตนได้ทำหนังสือไปแจ้งยังข้าราชการทุกคนในจังหวัดภูเก็ตแล้วว่า อย่าให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยการเอาตำแหน่ง หน้าที่ของตนเองไปประกันให้ เว้นแต่เป็นคนในครอบครัวเท่านั้น โดยจะมีการประเมินผลงานของแต่ละจังหวัดเมื่อครบ 90 วัน
ส่วนกรณีที่ ป.ป.ส.จับกุมผู้ค้าเฮโรอีน ได้ผู้ต้องหาทั้งชาวไทย และไต้หวัน ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 51 ที่ผ่านมา ทำให้จังหวัดภูเก็ตอาจถูกมองว่า เป็นแหล่งพักยาแห่งใหม่ของผู้ค้าหรือไม่นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต มองว่า เป็นการฉวยโอกาสของผู้ค้ามากกว่า เพราะบุคคลพวกนี้จะพยายามหาช่องทาง ภูมิประเทศ จังหวะ และโอกาส
เมื่อเจ้าหน้าที่เผลอ ยาเสพติดจะถูกนำเข้ามา และจำหน่ายแก่ลูกค้า ซึ่งจังหวัดภูเก็ตมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ การขนยาเสพติดทางเรือจึงมีการลักลอบนำเข้ามามากกว่าทางอื่น
ด้าน นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินงานโครงการนี้ว่า ทางจังหวัดเตรียมงบประมาณไว้แล้วจำนวน 5 ล้านบาท ส่วนอีก 3 ล้านบาท ป.ป.ส.จะเป็นผู้สนับสนุน เพื่อใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น และการบริหารงานทั้งหมด