xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ชัยภูมิรวบพ่อค้ายาบ้า 4,160 เม็ด-รอง ผบช.ภ.3 ลั่นเน้นล่ารายใหญ่/ตามยึดทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ต.อำนวย มหาผล  รอง ผบช.ภ.3 และ พล.ต.ต.เดชา  ชวยบุญชุม ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ แถลงผลจับกุมพ่อค้ายาบ้าพร้อมของกลาง 4,160 เม็ด ที่ จ.ชัยภูมิ วันนี้ ( 4 พ.ย.)
ชัยภูมิ – “พล.ต.ต.อำนวย” รอง ผบช.ภ.3 และ ผบก.ชัยภูมิ แถลงผลจับกุมพ่อค้ายาบ้าพร้อมของกลาง 4,160 เม็ด สารภาพขายยาบ้าเพื่อนำเงินซื้อเสพ เดินเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น รอง ผบช.ภ.3 เผย การนำเข้ายาบ้า-ผู้ค้า-ผู้เสพ ยังไม่มีแนวโน้มลด และส่วนใหญ่พื้นที่ภาค 3 ขนเข้าชายแดนด้าน ส.ป.ป.ลาว ชี้ นโยบายปี 2552 เน้นดำเนินการผู้ค้ารายสำคัญ-ติดตามยึดทรัพย์- สกัดกั้นแนวชายแดน-ตั้งจุดตรวจเข้มเส้นทางลำเลียงและประสานงานด้านการข่าว

วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พล.ต.ต.อำนวย มหาผล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ชัยภูมิ และ พ.ต.อ.สมบูรณ์ แสงวงศ์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ค้ายาบ้า ได้ผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายวิชัย หรือ ชัย บวชดอน อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 312 หมู่ 11 ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลางยาบ้า 4,160 เม็ด, รถยนต์ 1 คัน ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กก 1060 ชัยภูมิ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ว่า นายวิชัย ผู้ต้องหาเป็นเอเยนต์รายสำคัญที่ลักลอบนำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายในเขตพื้นที่ อ.แก้งคร้อ จึงวางแผนล่อซื้อจับกุม โดยให้สายลับโทรศัพท์ติดต่อล่อซื้อ จำนวน 4,000 เม็ด (20 ถุงๆ 200 เม็ด) ในราคาถุงละ 80,000 บาท และนัดส่งมอบยาบ้ากันที่บริเวณลานจอดรถหน้าโรงแรมตะวันนา อ.แก้งคร้อ

จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น.(4 พ.ย.) นายวิชัย ซึ่งพักอยู่ในโรงแรมดังกล่าวได้ลงมาที่รถยนต์เก๋งจอดอยู่หน้าโรงแรมเพื่อเตรียมนำยาบ้าส่งมอบ จึงถูกเจ้าหน้าที่เข้าแสดงตัวตรวจค้นจับกุมพบยาบ้า 4,160 เม็ดซุกซ้อนอยู่ภายในรถ

นายวิชัย รับสารภาพว่า นำยาบ้ามาจากทางภาคเหนือ ในราคาเม็ดละ 200 บาท ถุงละ 40,000 บาท และนำมาจำหน่ายในพื้นที่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ หลายครั้งแล้ว ทั้งขายปลีกและส่ง ในราคาเม็ดละ 400 บาท โดยตัวเองได้ติดยาด้วยจึงหาเงินซื้อยาบ้าเสพจากการขายยาบ้า ซึ่งในอดีตเคยได้รับการบำบัด และเข้าออกเรือนจำในข้อหาจำหน่ายยาบ้าอยู่เป็นประจำ สุดท้ายจนมุมตำรวจอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่ จึงได้นำตัวส่ง พ.ต.ท.กุญชร มงคลดิษฐ์ พงส.(สบ 3) สภ.แก้งคร้อ สอบสวนดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย และสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินการกับผู้ร่วมกระทำผิด และดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป

พล.ต.ต.อำนวย มหาผล รอง ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า สถานการณ์ยาเสพติดใน 8 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3 นั้น ในเรื่องของการนำเข้ายาบ้ายังไม่มีแนวโน้มลดลง และจากการสืบสวน จับกุมปริมาณของกลาง เครือข่ายผู้ต้องหา ยังไม่ลดลงจากเดิมเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่นำมาด้านฝั่งชายแดน ส.ป.ป.ลาว พื้นที่ช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี

โดยยาบ้าพวกนี้เมื่อนำเข้ามายังประเทศไทยแล้วก็จะลำเลียงเข้าไปที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จากนั้นส่วนหนึ่งจะย้อนกลับมาที่ จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ และบุรีรัมย์
ปัญหานำเข้าเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดของตำรวจภูธรภาค 3 รองลงมาเป็นปัญหาการแพร่ระบาด ซึ่งพื้นที่เสี่ยง ส่วนใหญ่ได้แก่อำเภอเมืองของจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะ อ.เมืองนครราชสีมา,อ. เมืองอุบลราชธานี และ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ส่วนกลุ่มผู้เสพยาเสพติดยังเป็นกลุ่มเยาวชนและผู้ใช้แรงงาน ซึ่งสถิติยังไม่ลดลง

ส่วนปัญหาที่ 3 คือ การจำหน่ายหรือผู้ค้า ผู้ค้าสำคัญในพื้นที่นั้นยังไม่มี แต่จะเป็นผู้ค้ารายย่อย เหมือนที่ทาง สภ.แก้งคร้อจับได้ในวันนี้ ถือว่าเป็นผู้ค้ารายย่อย จะรับยามาจากผู้ส่งแล้วนำมาจำหน่ายเพื่อเอากำไร

“ตอนนี้ในพื้นที่ตำรวจภาค 3 เรามีรายชื่อของผู้ค้าที่ X-RAY และได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะขอหมายดำเนินการจับกุม ผู้ค้าที่เราออกหมายจับถือว่าเป็นรายสำคัญมีอยู่ 10 ราย ได้ส่งข้อมูลไปที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (กปส.) แล้ว พร้อมจัดเป็นแผ่นโปสเตอร์ มีรายชื่อมีหมายเลขจับ ส่งไปตามท้องที่ต่างๆ โดยจับได้ 1 คน เสียชีวิต 1 คน ยังเหลือผู้ต้องหารายสำคัญอีก 8 คน” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการในปีงบประมาณ 2552 จะเน้นไปที่เรื่องของการดำเนินการผู้ค้ารายสำคัญ และติดตามยึดทรัพย์ ในส่วนที่ 2 เป็นเรื่องการสกัดกั้นตามแนวชายแดน ส่วนที่ 3 เป็นเรื่องของการตั้งจุดตรวจในเส้นทางลำเลียง ซึ่งในระยะหลังสามารถจับกุมได้บ่อยครั้ง เพราะมีการพัฒนาประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ

ส่วนที่ 4 เป็นเรื่องของการดำเนินการด้านการข่าว โดยการประสานจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายทหารที่อยู่ชายแดน ประสานข้อมูลจาก กปส.เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการจับกุมมากขึ้น ประการสุดท้าย เราจะเพิ่มขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการติดตามยึดทรัพย์ตรวจสอบทรัพย์ทุกมาตรการ

“เชื่อว่า ถ้าเราสามารถดำเนินการได้ทุกมาตรการอย่างเต็มที่แล้ว การแพร่ระบาดในพื้นที่ทั้งหมดก็จะลดน้อยลง” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น