นครศรีธรรมราช - นครศรีธรรมราชส่อระอุ หอการค้าฯ ประชาชนรุดมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ผบก.ปราบอิทธิพล หลัง ตร.ถูกร้องเรียน กมธ.ตำรวจสภาผู้แทนราษฎร-ฐานบุกค้นบ้านคนดังยึดปืนตรวจสอบอื้อ ลูกสาวนักข่าว “มติชน” เหยื่ออิทธิพลมืดวอนตำรวจลากคอแก๊งฆ่าพ่อเพื่อความสงบสุขเมืองนคร ผบก.ประกาศพร้อมลุยล้างผู้กว้างขวางนอกกฎหมาย-ลั่นตำรวจอาชีพไม่เคยกลัวโจร ชุดสืบสวนเผยเหยื่อสังหารมีมากกว่าแค่ “นักข่าว” ขึ้นบัญชีค่าหัว 4 รายรวดหัวละ 2.5 แสน
วันนี้ (24 ต.ค.) เวลา 09.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจนับร้อยนายพร้อมด้วยหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้กว้างขวางในพื้นที่นครศรีธรรมราชรวดเดียวรวม 9 จุด ซึ่ง 1 ในนั้นคือบ้านของ นายวิฑูรย์ เดชเดโช นายก อบจ.นครศรีธรรมราช โดยในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่นั้นพบว่าบางส่วนในเป้าหมายการตรวจค้นมีความเชื่อมโยงกับคดีอุกฉกรรจ์หลายคดีในพื้นที่ นครศรีธรรมราช
จากการตรวจค้นนั้นได้ตรวจยึดอาวุธปืนมาตรวจสอบรวมราว 30 กระบอก ซึ่งมีทั้งอาวุธปืนเอชเค ลูกซองออโตเมติก อาวุธปืนพกสั้นหลายขนาด ซึ่งทั้งหมดนั้นมีทั้งชนิดมีใบอนุญาตถูกต้อง ปืนทางราชการ และปืนไม่มีทะเบียน ซึ่งได้แจ้งข้อหากับแต่ละบุคคลที่เป็นเจ้าบ้านไปแล้ว และปรากฏว่า ได้มีหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกันได้มีกลุ่มประชาชนเข้ามอบดอกไม้เพื่อเป็นการให้กำลังใจนายวิฑูรย์ เดชเดโช นายก อบจ.นครศรีธรรมราช จำนวนมาก ขณะที่นายวิฑูรย์ เดชเดโช ได้กล่าวปราศัยในทำนองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจมีเบื้องหลัง
สำหรับในวันนี้ (24 ต.ค.) ตั้งแต่ช่วงเช้า นายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานชมรมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช และ นางพรพิมล ไชยนุรัตน์ ภรรยาของ นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน ที่ถูกยิงเสียชีวิต ได้นำช่อดอกไม้เข้ามอบกับ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช และ พ.ต.อ.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เพื่อเป็นการให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางแรงกดดัน โดยเฉพาะ นางพรพิมล นั้น ได้นำดอกเข็ม ช่อใหญ่ มอบให้กับ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมทั้งกล่าวให้กำลังใจ และระบุว่า ดอกเข็มนั้นเปรียบเสมือนปัญญา ความรู้และความแหลมคมในการต่อสู้กับความไม่ดี จึงขอมอบดอกเข็มเพื่อเป็นเชิงสัญลักษณ์ในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่
ต่อมาเวลา 10.30 น.ของวันเดียวกันได้มีกลุ่มนักธุรกิจและผู้ประกอบอาชีพรวมทั้งกลุ่มประชาชนจำนวนมาก เช่น นายจามร เจริญอภิบาล ประธานหอการค้านครศรีธรรมราช กลุ่มผู้ประกอบการเดินรถสองแถว กลุ่มประชาชนจากหลายท้องที่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช ได้นำช่อดอกไม้และดอกกุหลาบเข้าให้กำลังใจกับ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช และ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ทั้ง 3 นาย อย่างอบอุ่น
ขณะเดียวกัน ด.ญ.พิมพ์ชนก ไชยนุรัตน์ อายุ 14 ปี และ ด.ช.พงศ์ชนก ไชยนุรัตน์ อายุ 10 ปี ทั้งสองเป็นบุตรของ นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้นำดอกไม้พร้อมทั้งอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย โดยมีเนื้อความสรุปได้ว่า ครอบครัวของนายอธิวัฒน์ขอเป็นกำลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อสู้กับอิทธิพลมืด และทราบว่าตำรวจได้ตัว 1 ในคนร้ายที่ฆ่าพ่อมาแล้ว แต่ที่เหลือนั้นยังหลหนีซึ่งขอให้ตำรวจได้ทำหน้าที่โดยไม่เกรงกลัว เพื่อให้ได้คนร้ายที่ฆ่าพ่อมาทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่า หากตำรวจสามารถได้ตัวคนร้ายมาทั้งหมดแล้ว นครศรีธรรมราช จะสงบสุขมากขึ้น
พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวด้วยสีหน้าที่ตื้นตันใจ ว่า ในฐานะที่เป็นคนทำงานนั้นเมื่อมีคนมาให้กำลังใจย่อมที่จะมีความรู้สึกดีและมีกำลังใจมากขึ้น ตนขอประกาศว่า เป็นคนที่มีจุดยืนที่แน่ชัด อยู่บนความถูกต้องและเป็นธรรม ไม่เคยกลัวผู้ร้ายและไม่เกรงต่ออิทธิพลใดๆ ดูแลทุกคนได้รับความเป็นธรรม ไม่กลัวความไม่ชอบธรรม ตนคือตำรวจมืออาชีพ
ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านคดีสังหาร นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ แหล่งข่าวในชุดสืบสวนเปิดเผยว่า นายศักดิ์ชาย หรือชาย หรือบังโกบ อับดุลอารีย์ อายุ 32 ปี บ้านอยู่ ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาในคดีสังหาร นายอธิวัฒน์ ตามหมายจับที่ 312/2551 ลงวันที่ 28 ส.ค.2551 ได้พยายามติดต่อผ่านช่องทางที่นายลำดวนได้ติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเพื่อให้นำเข้ามอบตัวต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องการที่จะขอประกันตัว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในการทำคดีพร้อมทั้งนายตำรวจระดับสูงพร้อมที่จำให้เข้ามอบตัวหากบริสุทธิ์ใจพร้อมที่จะมอบตัวสู้คดีด้วยความยินดี
ส่วนทางด้านการสืบสวนนั้นพบว่าเป้าหมายในการสังหารนั้นพบว่าข้อมูลมีการระบุตัวถึง 4 รายด้วยกัน โดย นายอธิวัฒน์ อยู่ในบัญชีลำดับที่ 4 ในราคาค่าหัว 2.5 แสนบาท ส่วนอีก 3 รายนั้นเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และมีการจ่ายเงินค่าหัวให้ไปแล้วรวมทั้งหมด 1 ล้านบาท แต่เป้าหมายค่อนข้างที่จะลงมือก่อเหตุยาก เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่ นายอธิวัฒน์ นั้น อยู่ประจำที่ คือ ที่บ้านพักคนร้ายจึงมีโอกาสลงมือง่ายสุด แต่เมื่อมีการสังหารนายอธิวัฒน์นั้นปรากฎว่าจากการสืบสวนกลุ่มมือปืนยังไม่ได้รับเงินครบเนื่องจากผู้ที่รับเงินมาจ่ายให้กับกลุ่มมือปืนนั้นเก็บเอาไว้ส่วนหนึ่ง ในทำนองเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งกำลังมีการเรียกเก็บเงินส่วนที่เหลือจากกลุ่มมือปืนเพื่อต้องการเป็นทุนในการหลบหนี เนื่องจากการเลือกก่อคดีเป้าหมายในลำดับที่ 4 คือ นายอธิวัฒน์ ได้ก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างกับกลุ่มอิทธิพลรายหนึ่งที่เกี่ยวข้องอย่างรุนแรง