“จำลอง” แฉมือชั่วปลอม จม.เปิดผนึกทำลายศาสนา-ตอกลิ่มพันธมิตรฯ

“จำลอง” แฉแผนฝ่ายตรงข้าม เขียน จม.เปิดผนึกแอบอ้างกองทัพธรรม ทำลายศาสนา ยุแยงให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มพันธมิตรฯ เผย คนข้างนอกเริ่มเข้าใจพันธมิตรฯ มากขึ้น

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พลตรีจำลอง ศรีเมือง ปราศรัย 

วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.40 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีกล่าวปราศัยที่สะพานมัฆวาน โดยได้กล่าวว่า เดี๋ยวจะหาว่าพวกเรามาพูดยอกันเอง วันนี้ได้นำบทความที่เขียนถึงพวกเราที่มาร่วมชุมนุมไว้หนังสือพิมพ์มติชน มาอ่านให้ฟังว่า คนข้างนอกที่ไม่ได้มาร่วมกับเรานั้นพูดถึงเราอย่างไร ซึ่งเขียนไว้ว่า ในที่สุดทักษิณก็ไม่กลับเมืองไทย การกดดันครั้งนี้ต้องยกความดีให้ คตส.ที่กล้าฟ้องคดีต่างๆ และการกดดันของพันธมิตรฯ แม้บางครั้งจะใช้คำพูดที่หยาบไปบ้างก็ตาม แต่พลังประชาชนของพันธมิตรฯ นั้นสามารถกดดันผู้ที่ทุจริตออกนอกประเทศได้ ด้วยความอดทนอย่างยิ่งยวด ถึงเกือบ 3 เดือนไม่มีประเทศไหนอดทนได้ถึงเท่านี้

“เห็นไหมที่เคยบอกไว้ว่า การอดทนนั้นเป็นความจริง ไม่มีประเทศใดอดทนได้เท่านี้ ทำสถิติโลกแล้ว โอลิมปิกยังไม่มีการแข่งแบบนี้เลย” พล.ต.จำลอง กล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า วันนี้ตนได้พบสื่อตามปกติ โดยบอกกับผู้สื่อข่าวไปว่า พันธมิตรฯกำลังติดตามอย่างกระชั้นชิดอยู่ 3 เรื่อง เรื่องแรก คือ เรื่องที่รัฐบาลจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 ส.ค.นี้ 2.เรื่องที่รัฐบาลจะแก้กฎหมายขอให้พิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาที่ใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งที่แล้วมาจนถึงขณะนี้ใช้วิธีการพิจารณาคดีครั้งเดียวแล้วจบ แต่กลับจะให้มีการใช้ถึง 3 ศาล ซึ่งเราไม่เห็นด้วย สุดท้ายเรื่องที่ 3 คือ รัฐบาลพยายามที่จะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งทั้งหมดเรายอมไม่ได้

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า วันนี้ ในรายการที่พูดถึงธรรมะได้มีการพูดถึงเกี่ยวกับจดหมายเปิดผนึกปลอม ซึ่งตนในฐานะที่มีชื่ออยู่ในนั้นด้วยจึงนำมาเล่าให้ฟังย่อๆ โดยจดหมายได้เขียนอ้างว่ามาจากกองทัพธรรม เนื่องจากตนขอบเขียนจดหมายเปิดผนึก เคยเขียนเมื่อปี 2549 ที่มีสื่อนำไปลงทุกแขนง แต่ครั้งนี้ฝ่ายตรงกันข้ามได้ทำจดหมายเปิดผนึกปลอม ใช้คนไปเดินแจกทั้งฆราวาสและพระ โดยภายในจดหมายมีการด่าทอพระสงฆ์ด้วยคำหยาบคาย และอ้างว่ากองทัพธรรมกำลังจะได้รับชัยชนะ ลงชื่อ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และสันติอโศก ซึ่งเป็นการใช้ศาสนามายุยงให้เกิดความแตกแยก

“คงเห็นแล้วว่า ฝ่ายตรงข้ามได้ทำลายสถาบันชาติ กษัตริย์ ไปแล้ว เหลืออีกสถาบันเดียว คือศาสนา จึงใช้วิธีการนี้ในการทำลาย และท้ายจดหมายได้มีการเขียนข่มขู่ไว้ด้วย เพื่อให้เกิดความแตกแยกว่า ผู้ที่ชนะคือกองทัพธรรม ไม่ใช่พันธมิตร ซึ่งความจริงกองทัพธรรมเป็นส่วนน้อยนิดเท่านั้น นี่เป็นการยุแยงให้เกิดความไม่เข้าใจกัน” พล.ต.จำลอง กล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า มีสื่ออีกแห่งหนึ่งได้พูดเปรียบพันธมิตรฯกับประชาชนไว้ถึงเรื่องความแตกแยกในสังคม ซึ่งมีข้อความว่าใครคือผู้แตกแยกของสังคม ความแตกแยกของสังคมในขณะนี้ควรจะโทษใคร ฝ่ายรัฐบาลโทษพันธมิตรฯ เช่นเดียวกับพันธมิตรฯ ก็กล่าวหาว่ารัฐบาลเป็นพวกที่ทำลายชาติ แต่ถ้าวิเคราะห์ให้ถึงแก่นแท้แล้ว ฝ่ายรัฐบาลประกอบด้วยพรรคการเมืองที่มีเสียงมากในสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับพรรคที่แตกแยกจากการถูกยุบ ส่วนฝ่ายพันมิตรฯ นั้น ประกอบด้วย กลุ่มชนที่เริ่มร่วมกันต่อต้านรัฐบาลที่ถูกรัฐประหารปี 2549 แต่เลิกไปหลังจากรัฐประหาร และกลับมารวมตัวใหม่เมื่อรัฐบาลขี้เหร่กลับมา กลุ่มคนเหล่านี้ประกอบด้วยชนทุกชั้น มารวมตัวกันด้วยเหตุผลที่คล้ายกัน และยอมเสียสละความสุขส่วนตนรวมถึงกำลังทรัพย์

“ดังนั้น จึงเห็นชัดว่าคนข้างนอกที่ไม่ได้มาพบเรา ได้พูดถึงเราถูกต้องหมดแล้ว เราไม่ได้มายอกันไปมา และขอทบทวนอีกทีว่า การชุมนุมของพวกเรานั้นต้องอดทน ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ช่วยกันไขความจริงๆ ออกมาให้มากๆ หมดๆ” พล.ต.จำลอง กล่าว