พันธมิตรฯ ซาบซึ้ง “พระราชินี” เสด็จพระราชทานเพลิงศพ “น้องโบว์” เผย ยังมีผู้ชุมนุมสูญหายกว่า 20 ราย 15 ต.ค.นี้ รู้รายละเอียด ยันช่วงนี้ยังไม่เคลื่อนไหว จนกว่างานศพวีรชนจะเรียบร้อย ชี้ ให้จับตา 7 วันอันตรายก่อนศาลตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ สัปดาห์หน้ายื่นฟ้องเอาผิดนายกฯ-ผบ.ตร.พร้อมเดินเรื่องชี้แจงต่อสภาคองเกรส สหรัฐฯ ขณะพันธมิตรฯ ที่อังกฤษ ยื่นคัดค้าน “แม้ว-หญิงอ้อ” ขอลี้ภัยแล้ว
เมื่อเวลา 19.00 น.วันนี้ (13 ต.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงว่า ในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จฯมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ น้องโบว์ นั้น พันธมิตรฯ มีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง และทำให้พันธมิตรฯ มีความเชื่อมั่นที่จะปกป้องชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อไป ส่วนการเคลื่อนไหวต่อจากนี้นั้น ทางพันธมิตรฯจะงดการเคลื่อนไหวจนกว่างานศพของ น.ส.อังคณา และ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี จะเสร็จสิ้น
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงคดีความที่ตำรวจใช้ความรุนแรงกับประชาชน ว่า ได้ให้ทีมทนายความเตรียมข้อมูลหลักฐาน ของผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้ คาดว่า ในต้นสัปดาห์หน้าจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเสร็จสิ้น เพื่อยื่นต่อศาลทุกศาล รวมถึง สำนักงานป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) องค์กรระหว่างประเทศ นอกจากนี้ พันธมิตรฯจะทำจดหมายเปิดผนึกถึงสภาคองเกรส ของสหรัฐฯ อีกทั้งตนยังได้รับทราบจากพันธมิตรฯที่ประเทศอังกฤษ ขณะนี้ได้มีการคัดค้านการขอลี้ภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมครอบครัว กับสถานทูตอังกฤษ เนื่องจากมีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ซึ่งจะนำภาพถ่าย และข้อเท็จจริงไปให้กับสถานทูตได้รับทราบ
“สาเหตุที่เราต้องยื่นต่อสภาคองเกรส เพื่อให้ต่างประเทศได้เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากในบางประเทศยังมีความสับสน และได้ข้อมูลผิดๆ ว่า เรามีอคติกับกลุ่มที่เสียประโยชน์ และไม่ได้รับความชอบธรรมจากรัฐบาล พันธมิตรฯจึงตั้งใจให้ทั่วโลกทราบว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ได้สร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ มากกว่ารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารเสียอีก เพื่อตีแผ่ความจริงให้ทั่วโลกได้รับทราบ” นายสุริยะใส กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความคืบหน้าของบุคคลที่สูญหายจากการเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. เป็นอย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า มีคนหายไปประมาณ 20 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยให้แพทย์และโรงพยาบาลเป็นผู้รวบรวมข้อมูล และพันธมิตรฯ จะนำมาเปิดเผยในวันที่ 15 ต.ค.นี้ สำหรับผู้ที่เราจะยื่นฟ้อง ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน 1-2 วันนี้อย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องมีความระมัดระวังโดยไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงนี้ แต่ในช่วงนี้เป็นช่วง 7 วันอันตราย ก่อนการอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ซึ่งเสถียรภาพทางการเมืองอ่อนไหวมากที่สุด ยิ่งกว่าเมื่อครั้งรัฐประหาร 19 ก.ย.และยิ่งกว่ารัฐบาลขิงแก่ นอกจากนี้ ในการจัดงานของกลุ่ม นปก.ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ก็ไม่ทราบว่าหลังจากนั้นจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไรหรือไม่ แต่เรายังยืนยันว่า จะอยู่ในที่ตั้งและเฝ้าระวังความปลอดภัย โดยไม่เดินไปตามเกมของฝ่าย นปก.รวมถึงความพยายามสร้างสถานการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะขอลี้ภัยทางการเมืองที่ประเทศอังกฤษอย่างแน่นอน ดังนั้น การเคลื่อนไหวจะต้องมีความระมัดระวัง และควรอยู่ในที่ตั้ง
เมื่อถามว่า นักการเมืองพรรคพลังประชาชนยังออกมาเคลื่อนไหวกับกลุ่ม นปช.อย่างชัดเจน ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า ตามที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ บอกว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ กลุ่ม นปช.นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะสิ่งสำคัญในการเคลื่อนไหวของ นปช.นั้น ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า สร้างสถานการณ์ เพื่อเป็นลู่ทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ช่องทางดังกล่าวเพื่อขอลี้ภัย
นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชาย ระบุว่า จะไม่ลาออก เพราะแก้ปัญหาไม่ได้ ว่าการเรียกร้องให้นายสมชายลาออกเป็นการรักษาระบบ เพราะเมื่อผู้นำหมดความชอบธรรมก็ลาออก เพื่อหาคนใหม่มาทำหน้าที่แทน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ตนเชื่อว่า สถานการณ์จะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ และจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ แต่การดึงดันจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจะเป็นการก่อให้เกิดความเสียหาย เพราทำเนียบก็เข้ามาทำงานไม่ได้ ไปสภาฝ่ายค้านก็ไม่สังฆกรรมด้วย ไปที่ไหนก็มีประชาชนขับไล่ จึงต้องถามว่า การดึงดันกอดเก้าอี้อยู่นั้น อยู่แล้วปกครองได้หรือไม่ จึงอยากจะเตือนให้ นายสมชาย ศึกษากรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้เป็นตัวอย่าง และหากเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น นายสมชาย จะต้องรับผิดชอบทุกอย่าง
