ตรัง - ร.ต.ต.ชวน พลเดช หรือ “ดาบชวน” ว่าที่นายกเทศมนตรีตำบลคลองเต็งคนใหม่ เปิดเผย รู้สึกดีใจต่อผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลคลองเต็ง จ.ตรัง ที่ออกมาเป็นไปตามคาด โดยผลการเลือกตั้งประชาชนได้เทคะแนนให้แบบขาดลอยนั้น เพราะอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงการทำงานเกิดขึ้น ส่วนอดีตนายกเทศมนตรีตำบลคลองเต็ง ส่วนตัวต้องยอมรับในผลการตัดสินใจของประชาชน และกรณีการซื้อเสียงในพื้นที่นั้นคงไม่มี
วันนี้ (23 ต.ค.) ร.ต.ต.ชวน พลเดช หรือดาบชวน หัวหน้าทีมชวนปวงชน และว่าที่นายกเทศมนตรีตำบลคลองเต็ง คนใหม่ ซึ่งสามารถเอาชนะ นายวิศิษฎ์ ทองกาวแก้ว หรือโกนิ้งหน่อง หัวหน้าทีมรวมพลังใหม่ และนายกเทศมนตรีสมัยล่าสุดมาได้ ด้วยคะแนนแบบขาดลอย 1,336 ต่อ 795 คะแนน กล่าวว่า รู้สึกดีใจต่อผลการเลือกตั้งที่ออกมาและเป็นไปตามคาด โดยเฉพาะในตำแหน่งนายกเทศมนตรีที่มีการเทคะแนนให้นั้น เชื่อว่าก็เพราะประชาชนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งจากความรู้สึกเท่าที่ตนเองรับทราบก็คือ ไม่อยากให้มีการผูกขาดในตำแหน่งบริหาร เพราะจะได้เกิดการแข่งขันในการทำงาน
แต่ที่รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยก็คือ ผลการเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิก (ส.ท.) ซึ่งเดิมคาดการว่า ในเขตเลือกตั้งที่ 1 น่าจะได้ครึ่งหนึ่งคือ 3 ที่นั่ง แต่กลับมีลูกทีมเข้าสู่สภาได้เพียง 1 ที่นั่ง ทั้งนี้เพราะทีมคู่แข่งคือ ทีมรวมพลังใหม่ มีสมาชิกเก่าถึง 5 คน ขณะที่ทีมของตนเอง มีสมาชิกเก่าเพียง 1 คน ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าใหม่ทั้งหมด สำหรับในเขตเลือกตั้งที่ 2 ซึ่งลูกทีมชวนปวงชนเข้าสู่สภาได้ถึง 5 คน แต่เดิมคาดการว่าจะได้ยกทีม 6 ที่นั่ง ทั้งนี้ เพราะจากการลงพื้นที่หาเสียงในเขตนี้ ประชาชนให้ข้อมูลกับตนเองว่า ไม่ค่อยได้รับการพัฒนาพื้นที่มากนัก จึงอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งเทศบาลตำบลคลองเต็งครั้งนี้ เชื่อว่าภาพรวมไม่มีการซื้อเสียงเกิดขึ้น แม้จะมีกระแสข่าวการใช้เงินไม่ต่ำกว่า 5-6 ล้าน เพราะพื้นที่บ้านคลองเต็งเล็กนิดเดียว หากมีการซื้อเสียงกันมากมายขนาดนั้น จะต้องมีหลักฐานเอาผิดได้บ้าง และส่วนตัวก็ยึดมั่นมาตลอดว่า ถ้าเราไม่ทำลายระบอบการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย คนดีไม่มีทุน แต่มีความรู้สามารถ ก็สามารถเข้ามาทำงานบริหารท้องถิ่นได้ ส่วนการทำงานหากผ่านการรับรองผลการเลือกตั้ง จะเร่งเดินหน้าผลักดันให้ประชาชนมีน้ำประปาภูมิภาคใช้ทุกครัวเรือน และจะยึดหลักการทำงานคือ ความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น จะต้องมาก่อนความต้องการของตนเอง
นายวิศิษฎ์ ทองกาวแก้ว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลคลองเต็ง สมัยล่าสุด ซึ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ได้เสียใจ เพราะการแพ้ชนะในการเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวก็ทำอย่างเต็มที่แล้วและต้องยอมรับในการผลการตัดสินใจของประชาชน ส่วนการซื้อเสียงในพื้นที่คิดว่าคงไม่มีและน่าจะเป็นข่าวลือ แต่ถ้าเกิดมีหลักฐานเอาผิดก็คงต้องร้องเรียนกันต่อไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ตราบใดที่ไม่หลักฐานก็คงไม่มีการซื้อเสียงเกิดขึ้น พร้อมกันนี้ก็ขอบคุณไปถึงทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ จากนี้ไปก็ยังคงอยู่ในพื้นที่ และยังพร้อมช่วยงานสังคมส่วนรวม ส่วนอีก 4 ปีข้างหน้า ก็ยังที่พร้อมเสนอตัวรับใช้ประชาชนต่อไป
วันนี้ (23 ต.ค.) ร.ต.ต.ชวน พลเดช หรือดาบชวน หัวหน้าทีมชวนปวงชน และว่าที่นายกเทศมนตรีตำบลคลองเต็ง คนใหม่ ซึ่งสามารถเอาชนะ นายวิศิษฎ์ ทองกาวแก้ว หรือโกนิ้งหน่อง หัวหน้าทีมรวมพลังใหม่ และนายกเทศมนตรีสมัยล่าสุดมาได้ ด้วยคะแนนแบบขาดลอย 1,336 ต่อ 795 คะแนน กล่าวว่า รู้สึกดีใจต่อผลการเลือกตั้งที่ออกมาและเป็นไปตามคาด โดยเฉพาะในตำแหน่งนายกเทศมนตรีที่มีการเทคะแนนให้นั้น เชื่อว่าก็เพราะประชาชนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งจากความรู้สึกเท่าที่ตนเองรับทราบก็คือ ไม่อยากให้มีการผูกขาดในตำแหน่งบริหาร เพราะจะได้เกิดการแข่งขันในการทำงาน
แต่ที่รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยก็คือ ผลการเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิก (ส.ท.) ซึ่งเดิมคาดการว่า ในเขตเลือกตั้งที่ 1 น่าจะได้ครึ่งหนึ่งคือ 3 ที่นั่ง แต่กลับมีลูกทีมเข้าสู่สภาได้เพียง 1 ที่นั่ง ทั้งนี้เพราะทีมคู่แข่งคือ ทีมรวมพลังใหม่ มีสมาชิกเก่าถึง 5 คน ขณะที่ทีมของตนเอง มีสมาชิกเก่าเพียง 1 คน ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าใหม่ทั้งหมด สำหรับในเขตเลือกตั้งที่ 2 ซึ่งลูกทีมชวนปวงชนเข้าสู่สภาได้ถึง 5 คน แต่เดิมคาดการว่าจะได้ยกทีม 6 ที่นั่ง ทั้งนี้ เพราะจากการลงพื้นที่หาเสียงในเขตนี้ ประชาชนให้ข้อมูลกับตนเองว่า ไม่ค่อยได้รับการพัฒนาพื้นที่มากนัก จึงอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งเทศบาลตำบลคลองเต็งครั้งนี้ เชื่อว่าภาพรวมไม่มีการซื้อเสียงเกิดขึ้น แม้จะมีกระแสข่าวการใช้เงินไม่ต่ำกว่า 5-6 ล้าน เพราะพื้นที่บ้านคลองเต็งเล็กนิดเดียว หากมีการซื้อเสียงกันมากมายขนาดนั้น จะต้องมีหลักฐานเอาผิดได้บ้าง และส่วนตัวก็ยึดมั่นมาตลอดว่า ถ้าเราไม่ทำลายระบอบการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย คนดีไม่มีทุน แต่มีความรู้สามารถ ก็สามารถเข้ามาทำงานบริหารท้องถิ่นได้ ส่วนการทำงานหากผ่านการรับรองผลการเลือกตั้ง จะเร่งเดินหน้าผลักดันให้ประชาชนมีน้ำประปาภูมิภาคใช้ทุกครัวเรือน และจะยึดหลักการทำงานคือ ความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น จะต้องมาก่อนความต้องการของตนเอง
นายวิศิษฎ์ ทองกาวแก้ว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลคลองเต็ง สมัยล่าสุด ซึ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ได้เสียใจ เพราะการแพ้ชนะในการเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวก็ทำอย่างเต็มที่แล้วและต้องยอมรับในการผลการตัดสินใจของประชาชน ส่วนการซื้อเสียงในพื้นที่คิดว่าคงไม่มีและน่าจะเป็นข่าวลือ แต่ถ้าเกิดมีหลักฐานเอาผิดก็คงต้องร้องเรียนกันต่อไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ตราบใดที่ไม่หลักฐานก็คงไม่มีการซื้อเสียงเกิดขึ้น พร้อมกันนี้ก็ขอบคุณไปถึงทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ จากนี้ไปก็ยังคงอยู่ในพื้นที่ และยังพร้อมช่วยงานสังคมส่วนรวม ส่วนอีก 4 ปีข้างหน้า ก็ยังที่พร้อมเสนอตัวรับใช้ประชาชนต่อไป