ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คณะอนุกรรมาธิการท่องเที่ยวสภาผู้แทนราษฎรมีมติจัดระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วนแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว เปิดตลาดใหม่กระตุ้นชดเชยตลาดที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางการเงิน
นายทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการท่องเที่ยว เปิดเผย ว่า ขณะนี้อนุกรรมาธิการท่องเที่ยว ได้มีมติให้จัดสัมมนาเพื่อระดมความคิดเห็นและเร่งรัดให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการตลาดท่องเที่ยวประเทศไทยให้สมกับนโยบายรัฐบาลที่ประกาศให้ปี 2551 – 2552 เป็นปีการท่องเที่ยวไทย ซึ่งการจัดสัมมนาดังกล่าว จะเป็นการบูรณาการด้านการตลาด เพื่อให้มีแรงขับเคลื่อนและดึงดูดให้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ
เช่น ยุโรปตะวันออก รัสเซีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย อาหรับ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินไม่มากนัก ได้เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ชดเชยกับกลุ่มตลาดเดิมที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางด้านการเงินของสหรัฐ ซึ่งการจัดสัมมนาดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 3 พ.ย นี้
นายทศพร กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตราการ 6 ข้อ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ โดยหนึ่งในมาตราการได้เน้นย้ำเรื่องการท่องเที่ยวและการส่งออก แต่ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ต่างผิดหวังเพราะไม่มีแผนงานที่ชัดเจนมารองรับการแก้วิกฤตท่องเที่ยวและส่งออกแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังต้องการความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐในการให้การสนับสนุน อำนวยความสะดวกในด้านการสำรองห้องพักในอุทยาน สำรองตั๋วเดินทางโดยรถไฟ และจัดให้มีตั๋วโดยสารราคาพิเศษสำหรับกรุ๊ปทัวร์คนไทย เพื่อสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น แต่ภาครัฐกลับไม่เห็นความสำคัญกับระบบการสำรองที่พักและสำรองตั๋วเดินทางล่วงหน้า เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถทำแพ็คเกจทัวร์ออกมาให้ทันขายในฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึงนี้ได้ทัน
ในขณะเดียวกันกลุ่มมัคคุเทศก์ก็พยายามผลักดันให้ภาครัฐจัดอบรมเสริมความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอาหรับ อินเดีย รัสเซีย เพื่อเตรียมรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายได้ทัน
ทางด้านการตลาดผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวได้ร่วมกันเรียกร้องให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับกลยุทย์การดำเนินการตลาด โดยให้น้ำหนักการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายใหม่มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการรุกตลาด จากเดิมที่เคยหวังว่าคณะ Mega Fam Trip ซึ่งททท.ได้เชิญผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และสื่อมวลชนทุกสาขาจากภูมิภาคต่าง ๆ จำนวนนับ 1,000 คนมาร่วมงานเปิดตัวปีแห่งการท่องเที่ยวไทย 2552 โดยหวังว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นตลาดได้
แต่บัดนี้กลุ่มประเทศเหล่านั้นกลับได้รับผลกระทบในการประสบปัญหาการเงินและเศรษฐกิจเช่นกัน ดังนั้นต้องมีการจัดเวทีเพื่อระดมความคิดเห็น และหาทางอออกในการแก้วิกฤตที่เกิดขึ้น
นายทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการท่องเที่ยว เปิดเผย ว่า ขณะนี้อนุกรรมาธิการท่องเที่ยว ได้มีมติให้จัดสัมมนาเพื่อระดมความคิดเห็นและเร่งรัดให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการตลาดท่องเที่ยวประเทศไทยให้สมกับนโยบายรัฐบาลที่ประกาศให้ปี 2551 – 2552 เป็นปีการท่องเที่ยวไทย ซึ่งการจัดสัมมนาดังกล่าว จะเป็นการบูรณาการด้านการตลาด เพื่อให้มีแรงขับเคลื่อนและดึงดูดให้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ
เช่น ยุโรปตะวันออก รัสเซีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย อาหรับ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินไม่มากนัก ได้เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ชดเชยกับกลุ่มตลาดเดิมที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางด้านการเงินของสหรัฐ ซึ่งการจัดสัมมนาดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 3 พ.ย นี้
นายทศพร กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตราการ 6 ข้อ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ โดยหนึ่งในมาตราการได้เน้นย้ำเรื่องการท่องเที่ยวและการส่งออก แต่ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ต่างผิดหวังเพราะไม่มีแผนงานที่ชัดเจนมารองรับการแก้วิกฤตท่องเที่ยวและส่งออกแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังต้องการความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐในการให้การสนับสนุน อำนวยความสะดวกในด้านการสำรองห้องพักในอุทยาน สำรองตั๋วเดินทางโดยรถไฟ และจัดให้มีตั๋วโดยสารราคาพิเศษสำหรับกรุ๊ปทัวร์คนไทย เพื่อสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น แต่ภาครัฐกลับไม่เห็นความสำคัญกับระบบการสำรองที่พักและสำรองตั๋วเดินทางล่วงหน้า เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถทำแพ็คเกจทัวร์ออกมาให้ทันขายในฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึงนี้ได้ทัน
ในขณะเดียวกันกลุ่มมัคคุเทศก์ก็พยายามผลักดันให้ภาครัฐจัดอบรมเสริมความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอาหรับ อินเดีย รัสเซีย เพื่อเตรียมรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายได้ทัน
ทางด้านการตลาดผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวได้ร่วมกันเรียกร้องให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับกลยุทย์การดำเนินการตลาด โดยให้น้ำหนักการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายใหม่มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการรุกตลาด จากเดิมที่เคยหวังว่าคณะ Mega Fam Trip ซึ่งททท.ได้เชิญผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และสื่อมวลชนทุกสาขาจากภูมิภาคต่าง ๆ จำนวนนับ 1,000 คนมาร่วมงานเปิดตัวปีแห่งการท่องเที่ยวไทย 2552 โดยหวังว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นตลาดได้
แต่บัดนี้กลุ่มประเทศเหล่านั้นกลับได้รับผลกระทบในการประสบปัญหาการเงินและเศรษฐกิจเช่นกัน ดังนั้นต้องมีการจัดเวทีเพื่อระดมความคิดเห็น และหาทางอออกในการแก้วิกฤตที่เกิดขึ้น
