xs
xsm
sm
md
lg

“เอ๋” มณีรัตน์ คำอ้วน สาวโรตี ออมเงิน..สร้างร้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ถ้าเรามีเงินเก็บก็จะทำให้ชีวิตเราปลอดภัยมากขึ้น เพราะเคยได้รับประสบการณ์จากครั้งที่คุณแม่ต้องเข้าโรงพยาบาล ดีว่าเอ๋พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ทำให้ไม่ต้องลำบากไปกู้หนี้ยืมสินใคร ซึ่งทำให้เอ๋เห็นประโยชน์จากตรงนี้เป็นอย่างมาก และการเก็บออมก็ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เป็นการเก็บเพื่อคนในครอบครัวด้วย”

ถือเป็นการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ นางเอกสาวหน้าคมอย่าง "เอ๋" มณีรัตน์ คำอ้วน กับบทบาทพยาบาลสาวที่ชื่อ “นุ้ย” ในภาพยนตร์รักโรแมนติก "เพื่อนสนิท" ซึ่งทำให้ทุกวันนี้ตัวเธอเป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้น และมาในวันนี้สาวเอ๋จะมาร่วมพูดคุยผ่านคอลัมน์ “ผู้จัดการคุยกับนักลงทุน” กับการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง รวมถึงเรื่องราวการจัดสรรเงินๆทองๆ ว่ามีมุมมองและความใส่ใจต่อเรื่องดังกล่าวมากน้อยเพียงใด

เอ๋ เริ่มบอกกับเราว่า ครอบครัวของเธอมีฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยอะไร โดยมีอาชีพขายโรตี ซึ่งตอนเล็กๆจำได้ว่าได้ช่วยคุณพ่อขายโรตีตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยจะช่วยคุณแม่นวดแป้งเพื่อเตรียมของไปขาย ส่วนการประหยัดเงิน การเก็บออมนั้น คุณพ่อคุณแม่จะสอนให้รู้จักการประหยัดมาตั้งแต่เด็ กว่าเงินแต่ละบาทที่ได้มานั้น มันยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน

“ในชีวิตช่วงตอนเป็นเด็กนั้นไม่ถึงกับลำบาก อดมื้อกินมื้ออะไร ยังมีข้าวกินตลอด ถ้าเราไม่คิดมากอะไรกับตรงนี้ ชีวิตเราก็สามารถดำรงอยู่ได้ อาจเพราะด้วยความที่เราเป็นลูกคนเล็ก เลยไม่ได้ลำบากมาก คุณพ่อคุณแม่เองก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าครอบครัวลำบาก ส่วนตัวยืนยันได้เลยว่า...ไม่เคยรู้สึกน้อยใจว่าทำไมตัวเองเกิดมาเป็นลูกคนขายโรตี แต่รู้สึกภูมิใจในอาชีพนี้ที่สามารถเลี้ยงเราให้โตมาได้ และโชคดีที่เพื่อนๆ ที่ไม่เคยล้อเลียนว่าพ่อแม่ขายโรตี” เอ๋ บอก

กับก้าวแรกที่เข้าสู่วงการบันเทิงนั้น เอ๋ บอกว่า ได้มีโอกาสทำงานในวงการนี้จากการแนะนำของเพื่อน โดยมีผลงานชิ้นแรก คือ โฆษณาดีแทค และซันซิล จากนั้นไม่นานก็มีผลงานโฆษณาโดฟ ต่อด้วยหนังเรื่อง "เพื่อนสนิท" ทำให้เอ๋ เริ่มมีรายได้ช่วยเหลือครอบครัว จึงตัดสินใจให้คุณแม่หยุดขายโรตีเพื่อพักผ่อน โดยเธอรับหน้าที่เป็นคนทำงานหาเงินเอง และ ได้ตั้งเป้าในชีวิตไว้ว่าอยากจะเปิดร้านค้าขายให้กับคุณแม่

"หลังจากคุณพ่อเสียชีวิตลง คุณแม่ได้ย้ายบ้านจากจังหวัดร้อยเอ็ดมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะเป็นห่วงเอ๋ ที่ต้องเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เพียงคนเดียวเลยลงมาอยู่ด้วยกันที่นี่ และได้เข็นรถโรตีขายอยู่แถวโชคชัย 4 แรกๆ เอ๋ก็ได้มีโอกาสมาช่วยแม่บ้าง แต่ช่วงหลังมีงานเยอะทำให้ไม่ได้ช่วย แต่ตอนนี้ท่านไม่ได้ขายแล้ว เพราะเวลาเห็นท่านเข็นรถเข็นขายแล้วรู้สึกไม่สบายใจเลย เอ๋อยากให้แม่หยุดพักผ่อน และเราเองก็ทำงานตรงนี้ ก็มีรายได้ที่สามารถช่วยท่าน แต่คุณแม่เขาก็ยังอยากขาย เพราะที่ผ่านมาก็ทำงานแบบนี้มาตลอด ให้อยู่บ้านเฉยๆ ก็เลยรู้สึกแปลก ดังนั้นช่วงนี้เอ๋เลยพยายามทำงานเก็บเงิน เพื่อที่จะหาที่ทางเปิดร้านค้าให้คุณแม่ โดยจะเป็นร้านอะไรก็ได้ ขอเพียงให้คุณแม่ชอบ และได้นั่งขายอยู่ประจำร้านไม่ไปไหน" เอ๋ บอก

เมื่อ เอ๋ เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยเอ๋มีการบริหารจัดสรรเงินออมอย่างเป็นระบบด้วยการการแบ่งรายได้ที่ได้รับมาออกเป็น 4 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นบัญชีสำหรับค่ารถ ส่วนที่ 2 มีไว้เพื่อจ่ายค่าห้อง ขณะที่ส่วนที่ 3 จะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวในแต่ละเดือน และส่วนที่เหลือจะให้คุณแม่เก็บไว้ใช้

“เราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ถ้าเรามีเงินเก็บก็จะทำให้ชีวิตเราปลอดภัยมากขึ้น เพราะเคยได้รับประสบการณ์จากครั้งที่คุณแม่ต้องเข้าโรงพยาบาล ดีว่าเอ๋พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ทำให้ไม่ต้องลำบากไปกู้หนี้ยืมสินใคร ซึ่งทำให้เอ๋เห็นประโยชน์จากตรงนี้เป็นอย่างมาก และการเก็บออมก็ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เป็นการเก็บเพื่อคนในครอบครัวด้วย” เอ๋ บอก

ปัจจุบันเอ๋กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน โดยส่วนตัวยอมรับว่าไม่ค่อยได้ไปเรียน และเป็นคนเรียนไม่เก่งดังนั้นจึงยอมรับว่าค่อนข้างยากเหมือนกัน แต่ก็ต้องคอยบังคับตัวเองให้ดี ยิ่งตอนนี้ได้มาอยู่ในวงการบันเทิงด้วย จึงต้องพยายามให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยคอยแบ่งเวลาเรียนให้ดี วันไหนที่ไม่มีงาน ก็จะพยายามไปเรียน ส่วนผลงานในวงการบันเทิงขณะนี้ กำลังมีละครเรื่องสาบภูษา และละครเรื่องเทวดาสาธุ ที่ออกอากาศทางช่อง 3 นอกจากนี้เอ๋ยังมีงานโชว์ตัวและงานถ่ายแบบต่าง ๆ มาอยู่เสมอ

"เอ๋เป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ดค่ะ แต่เรียนจบมัธยมที่ขอนแก่น ตอนนี้เรียนอยู่ คณะมนุษยศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตอนแรกสอบได้ที่ มอ.ปัตตานี คณะมนุษยศาสตร์ฯ มลายู เอกภาษาอาหรับ แต่ไม่มีใครไปอยู่เป็นเพื่อน ก็เลยมาเรียนราม ….อนาคต เอ๋อยากเป็นผู้ประกาศข่าว เพราะชอบดูรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงมากทำให้ตอนนี้ก็พยายามอ่านหนังสือเยอะๆ"

สุดท้าย เอ๋ บอกว่า สำหรับใครที่คิดจะออมเงิน อย่างแรกต้องบังคับตัวเองให้ได้ก่อน โดยเฉพาะกับสิ่งล่อตาล่อใจซึ่งในปัจจุบันมีเยอะมาก และของบางอย่างนั้น มันก็เกินความจำเป็น ดังนั้นเราต้องรู้จักการวางแผนการใช้จ่ายเงินให้ดีที่สุด เพราะมีความจำเป็นกับเรามาก และจะมีผลดีกับตัวเองในอนาคต

ชื่อ – นามสกุล มณีรัตน์ คำอ้วน (เอ๋)
วันเดือนปีเกิด 11 พฤศจิกายน 2528
การศึกษา ปี 4 คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ผลงานปัจจุบัน ละครเรื่อง สาบภูษา และละครเรื่อง เทวดาสาธุ

กำลังโหลดความคิดเห็น