ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (19 ก.ย.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานงานสัมนาทางวิชาการ สื่อสัมฤทธิ์ แนวคิดพอเพียง ว่าปัญหาที่สำคัญในขณะนี้คือเรื่องการขาดความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ในการบริหารงานในขององค์กรท้องถิ่น ซึ่งในการเมืองท้องถิ่นมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องโครงการรับเหมาก่อนสร้าง จัดซื้อ จัดจ้าง หากประชาชนเห็นความ ไม่ชอบมาพากลก็ต้องหาทางคัดค้านแก้ไข ต้องเลือกคนที่จะมาบริหารท้องถิ่น เป็นคนที่ดี ซึ่งทำให้เขาจะได้ผู้นำท้องถิ่นที่ดี ซึ่งรวมถึงผู้นำระดับจังหวัด และ รวมถึงผู้นำในระดับประเทศที่ดีกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย
พล.อ.สุรยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารงานระหว่างรัฐบาลในสมัยรัฐประหารและรัฐบาลในสมัยปัจจุบันเป็นว่า ตนคงตอบในส่วนที่ได้ดำเนินการไป ซึ่งก็ได้ทำหน้าที่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ แต่บางอย่างก็ทำไม่ได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้ สิ่งที่ได้พยายามทำไปนั้นคือ การแก้ไขวิกฤติที่สำคัญทางการเมือง ของบ้านเมือง ซึ่งทำไปได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง ยังไม่คลี่คลายไปเป็นที่น่าพึงพอใจเราต้องช่วยกันแก้ไขกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลงานของ คมช. ที่ยังไม่สำเร็จมีอะไรที่ยังต้องดำเนินการต่อไป พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องทางการเมือง ที่ทุกคนต้องทราบดีว่า ต้องใช้เวลา ในการแก้ไขปัญหา ถ้าการเมืองของเรามีความมั่นคงเราก็จะก้าวหน้าต่อไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองสถานการณ์ทางการเมืองที่มีกลุ่มคน 2 ฝ่ายแบ่งฝักแบ่งฝ่ายประเทศจะไปรอดหรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องช่วยกันเพื่อให้เกิความเข้าใจ เกิดความปรองดอง จุดที่จะทำให้ความแตกต่างทางความคิด มาประสานกันได้ถือเป็นส่วนที่สำคัย ถ้ามีการพุดคุยกันแล้ว มีการปรับเปลี่ยนท่าทีกันบ้าง อ่อนๆ ที่เข้าหากันบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะก้าวหน้าไปได้
ส่วนนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะสามารถแก้ไขปัญหาและสร้างความสมานฉันท์ได้หรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว คงไม่สามารถที่จะให้คำตอบได้ เมื่อถามว่าในฐานะที่เคยเป็นนายกรับมนตรีมาก่อน มีอะไรจะแนะนำนากรัฐมนตรีคนใหม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรแนะนำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นห่วงประเทศชาติอย่างไรบ้าง พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านก็ทรงเป็นห่วงประชาชนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าในเรื่องใดๆ ที่เห็นอย่างชัดเจน เวลาที่พวกเราประสพปัญหาจากอุกทกภัยก็ดี ฝนตกหนักน้ำท่วม พระองค์เจ้าก็พระราชทานให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ หรือมูลนิธิต่างๆที่มีความเกี่ยวข้อง ออกไปให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องถวายรายงานว่าทำอะไรบ้าง ในส่วนที่พระองค์ท่านมีพระราชหฤทัยที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วยกำลังด้วยความสามารถด้วยมูลนิธิต่างที่พระองค์ท่านดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่าพระองค์ท่านมีความเป็นห่วงเรื่องความสามัคคีของคนในชาติ หรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า พวกเราหากได้รับฟังกระแสพระราชดำรัสในหลายครั้งในโอกาสที่ผ่านมา ท่านทรงเน้นย้ำในเรื่องความรู้รักสามัคคีมาโดยตลอด คงต้องใช้เวลาสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในบ้าเนมืองของเราให้ได้ หากปัญหายืดยาวต่อไป ก็คงเป็นเรื่องที่อยู่ในความคิดและการดำเนินการของพวกเราเองว่า จะหาทางแก้ไขอย่างไร
ส่วนองค์มนตรีได้เสนอทางออกของประเทศให้พระองค์ท่านอย่างไรบ้างนั้น พล.อ. สุรยทุธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตนไม่สามารถที่จะนำมาบอกได้ เป็นเรื่องระหว่างพระองค์ท่านกับองคมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานและมารยาทที่ไม่สมควรที่จะนำเรื่องในส่วนนั้นมาเปิดเผย
ต่อข้อถามว่าเป็นห่วงเรื่องความสมานฉันท์หรือไม่ เพราะขณะนี้สังคมกำลังดำเนินเข้าไปสู่ในจุดที่แตกหักอยุ่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าว่า อยู่ที่พวกเราจะต้องช่วยกัน โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่จะต้องทำให้เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้นและหาทางออกสำหรับบ้านเมืองของเรา เมื่อถามว่าต้องถอยกันคนละก้าวใช่หรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ จะเป็นคนละก้าวหรือหลายก้าวก็แล้วแต่
พล.อ.สุรยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารงานระหว่างรัฐบาลในสมัยรัฐประหารและรัฐบาลในสมัยปัจจุบันเป็นว่า ตนคงตอบในส่วนที่ได้ดำเนินการไป ซึ่งก็ได้ทำหน้าที่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ แต่บางอย่างก็ทำไม่ได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้ สิ่งที่ได้พยายามทำไปนั้นคือ การแก้ไขวิกฤติที่สำคัญทางการเมือง ของบ้านเมือง ซึ่งทำไปได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง ยังไม่คลี่คลายไปเป็นที่น่าพึงพอใจเราต้องช่วยกันแก้ไขกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลงานของ คมช. ที่ยังไม่สำเร็จมีอะไรที่ยังต้องดำเนินการต่อไป พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องทางการเมือง ที่ทุกคนต้องทราบดีว่า ต้องใช้เวลา ในการแก้ไขปัญหา ถ้าการเมืองของเรามีความมั่นคงเราก็จะก้าวหน้าต่อไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองสถานการณ์ทางการเมืองที่มีกลุ่มคน 2 ฝ่ายแบ่งฝักแบ่งฝ่ายประเทศจะไปรอดหรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องช่วยกันเพื่อให้เกิความเข้าใจ เกิดความปรองดอง จุดที่จะทำให้ความแตกต่างทางความคิด มาประสานกันได้ถือเป็นส่วนที่สำคัย ถ้ามีการพุดคุยกันแล้ว มีการปรับเปลี่ยนท่าทีกันบ้าง อ่อนๆ ที่เข้าหากันบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะก้าวหน้าไปได้
ส่วนนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะสามารถแก้ไขปัญหาและสร้างความสมานฉันท์ได้หรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว คงไม่สามารถที่จะให้คำตอบได้ เมื่อถามว่าในฐานะที่เคยเป็นนายกรับมนตรีมาก่อน มีอะไรจะแนะนำนากรัฐมนตรีคนใหม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรแนะนำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นห่วงประเทศชาติอย่างไรบ้าง พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านก็ทรงเป็นห่วงประชาชนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าในเรื่องใดๆ ที่เห็นอย่างชัดเจน เวลาที่พวกเราประสพปัญหาจากอุกทกภัยก็ดี ฝนตกหนักน้ำท่วม พระองค์เจ้าก็พระราชทานให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ หรือมูลนิธิต่างๆที่มีความเกี่ยวข้อง ออกไปให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องถวายรายงานว่าทำอะไรบ้าง ในส่วนที่พระองค์ท่านมีพระราชหฤทัยที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วยกำลังด้วยความสามารถด้วยมูลนิธิต่างที่พระองค์ท่านดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่าพระองค์ท่านมีความเป็นห่วงเรื่องความสามัคคีของคนในชาติ หรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า พวกเราหากได้รับฟังกระแสพระราชดำรัสในหลายครั้งในโอกาสที่ผ่านมา ท่านทรงเน้นย้ำในเรื่องความรู้รักสามัคคีมาโดยตลอด คงต้องใช้เวลาสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในบ้าเนมืองของเราให้ได้ หากปัญหายืดยาวต่อไป ก็คงเป็นเรื่องที่อยู่ในความคิดและการดำเนินการของพวกเราเองว่า จะหาทางแก้ไขอย่างไร
ส่วนองค์มนตรีได้เสนอทางออกของประเทศให้พระองค์ท่านอย่างไรบ้างนั้น พล.อ. สุรยทุธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตนไม่สามารถที่จะนำมาบอกได้ เป็นเรื่องระหว่างพระองค์ท่านกับองคมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานและมารยาทที่ไม่สมควรที่จะนำเรื่องในส่วนนั้นมาเปิดเผย
ต่อข้อถามว่าเป็นห่วงเรื่องความสมานฉันท์หรือไม่ เพราะขณะนี้สังคมกำลังดำเนินเข้าไปสู่ในจุดที่แตกหักอยุ่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าว่า อยู่ที่พวกเราจะต้องช่วยกัน โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่จะต้องทำให้เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้นและหาทางออกสำหรับบ้านเมืองของเรา เมื่อถามว่าต้องถอยกันคนละก้าวใช่หรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ จะเป็นคนละก้าวหรือหลายก้าวก็แล้วแต่