กระบี่ - ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ราคาตก พ่นพิษ ทำร้านจำหน่ายรถป้ายแดง มือสองวูบ
นายเกษม คล่องแคล่ว ผู้ประกอบการเต็นรถมือสองริสกี คาร์เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่เลขที่ 24 หมู่ที่ 2 ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากที่ราคาปาล์มน้ำมัน และยางพารา ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากราคายางอยู่ที่กิโลกรัมละ ประมาณ 80-90 บาท ลดเหลือประมาณ 50 บาท และปาล์มน้ำมัน ราคาประมาณ 5-6 บาท ลดเหลือ ประมาณ 3 บาทในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มราคาจะลดลงอีก
จากราคาที่ยางพาราและปาล์มน้ำมันตกนั้นก็ได้ส่งผลทำให้ยอดจำหน่วยรถมือสองตกตามไปด้วย โดยในแต่ละวันแทบจะไม่มีลูกค้าแวะเข้าร้าน ทำให้บรรยากาศการซื้อขายรถเงียบเหงา ซึ่งต่างกับช่วงที่ราคาปาล์มและยางพาราราคาดีจะมีลูกค้าแวะเข้าร้านทุกวัน บรรยากาศคึกคัก
นายเกษม กล่าวอีกว่า ร้านของตนเป็นร้านเล็กๆ มีรถมือสองมาวางขายประมาณ 10 คัน โดยในแต่ละเดือนจะขายได้อย่างน้อยเดือนละ 1-2 คัน ในส่วนของเต็นท์รถมือสองร้านใหญ่ๆ ที่มีรถให้เลือกซื้อหลายคันนั้น ทราบว่าในแต่ละเดือนขายได้นับ 10 คัน แต่พอประสบกับภาวะราคายางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ บางร้านแทบจะขายไม่ได้เลย
สำหรับร้านของตนนั้น หลายวันที่ผ่านมาไม่มีลูกค้าแวะเข้าร้านเลย และหากว่าแวะเข้าร้าน แทนที่จะมาเลือกซื้อรถกลับมาบอกขายดาวน์รถ ในราคาถูก โดยรถส่วนใหญ่เป็นรถป้ายแดง ซื้อมาเพียง 5-6 เดือนเท่านั้น เนื่องจากไม่อยากเป็นภาระเพราะผ่อนไม่ทัน เนื่องจากอาชีพหลักที่เป็นรายได้ก็คืออาชีพทำสวนปาล์มและสวนยางเท่านั้น เมื่อราคาตกก็ต้องบอกขาย
นายวิทวัส สมขันต์ ผู้จัดการบริษัท วังกระบี่ ตัวแทนจำหน่วยรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ กล่าวว่า สำหรับลูกค้าหลักของบริษัทฯ ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นเกษตรกร ชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน และเมื่อราคาตกต่ำลงอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้ส่งผลต่อยอดจำหน่ายรถของบริษัทฯอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากบางรายไฟแนนท์ไม่อนุมัติสินเชื่อถึงแม้ว่าลูกค้าจะเข้ามาขอซื้อกับทางบริษัทหลายรายก็ตาม เพราะมองแล้วเห็นว่ารายได้ไม่คุ้มรายจ่าย จึงทำให้ทางบริษัทฯต้องเปลี่ยนกลุ่มฐานลูกค้าใหม่
โดยหันไปเจาะตลาดข้าราชการ บริษัทห้างร้าน หรือกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว ซึ่งมีรายได้มั่นคง โดยมีรถตัวใหม่ๆแบบ 4 ตู นำเสนอ แทนจะเป็นรถตอนเดียวหรือตอนครึ่ง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นายวิทวัส กล่าวอีกว่า สำหรับครึ่งปีแรกของปี 51 ทางบริษัทสามารถจำหน่ายรถได้เดือนละประมาณ 45 คัน แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลังยอดจำหน่ายรถก็ได้ลดลงเหลือ ประมาณ 30 คัน และคาดว่าอาจจะลดลงอีก เนื่องจากเป็นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับราคายางพาราและปาล์มน้ำมันตก ถึงแม้ว่าครึ่งปีหลังยังเหลือเวลาอีก 2 เดือน ก็ไม่ได้วางเป้าว่าจะทำให้ยอดการจำหน่ายทะลุเป้าแต่อย่างใดเพราะเข้าใจในยุคเศรษฐกิจขาลง ลูกค้าส่วนใหญ่จะออมเงินไว้ใช้เท่าที่จำเป็น
ส่วนในปีหน้านั้นก็คงจะเป็นเหมือนกับช่วงปลายปีนี้ แต่ก็จะรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ และจะเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ข้างต้นและว่ามิตซูบิชิ ก็ยังมีส่วนแบ่งลูกค้าจากรถค่ายอื่นๆ ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ ยังครองตลาดเป็นอันดับ 3 ของจังหวัดกระบี่
นายเกษม คล่องแคล่ว ผู้ประกอบการเต็นรถมือสองริสกี คาร์เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่เลขที่ 24 หมู่ที่ 2 ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากที่ราคาปาล์มน้ำมัน และยางพารา ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากราคายางอยู่ที่กิโลกรัมละ ประมาณ 80-90 บาท ลดเหลือประมาณ 50 บาท และปาล์มน้ำมัน ราคาประมาณ 5-6 บาท ลดเหลือ ประมาณ 3 บาทในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มราคาจะลดลงอีก
จากราคาที่ยางพาราและปาล์มน้ำมันตกนั้นก็ได้ส่งผลทำให้ยอดจำหน่วยรถมือสองตกตามไปด้วย โดยในแต่ละวันแทบจะไม่มีลูกค้าแวะเข้าร้าน ทำให้บรรยากาศการซื้อขายรถเงียบเหงา ซึ่งต่างกับช่วงที่ราคาปาล์มและยางพาราราคาดีจะมีลูกค้าแวะเข้าร้านทุกวัน บรรยากาศคึกคัก
นายเกษม กล่าวอีกว่า ร้านของตนเป็นร้านเล็กๆ มีรถมือสองมาวางขายประมาณ 10 คัน โดยในแต่ละเดือนจะขายได้อย่างน้อยเดือนละ 1-2 คัน ในส่วนของเต็นท์รถมือสองร้านใหญ่ๆ ที่มีรถให้เลือกซื้อหลายคันนั้น ทราบว่าในแต่ละเดือนขายได้นับ 10 คัน แต่พอประสบกับภาวะราคายางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ บางร้านแทบจะขายไม่ได้เลย
สำหรับร้านของตนนั้น หลายวันที่ผ่านมาไม่มีลูกค้าแวะเข้าร้านเลย และหากว่าแวะเข้าร้าน แทนที่จะมาเลือกซื้อรถกลับมาบอกขายดาวน์รถ ในราคาถูก โดยรถส่วนใหญ่เป็นรถป้ายแดง ซื้อมาเพียง 5-6 เดือนเท่านั้น เนื่องจากไม่อยากเป็นภาระเพราะผ่อนไม่ทัน เนื่องจากอาชีพหลักที่เป็นรายได้ก็คืออาชีพทำสวนปาล์มและสวนยางเท่านั้น เมื่อราคาตกก็ต้องบอกขาย
นายวิทวัส สมขันต์ ผู้จัดการบริษัท วังกระบี่ ตัวแทนจำหน่วยรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ กล่าวว่า สำหรับลูกค้าหลักของบริษัทฯ ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นเกษตรกร ชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน และเมื่อราคาตกต่ำลงอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้ส่งผลต่อยอดจำหน่ายรถของบริษัทฯอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากบางรายไฟแนนท์ไม่อนุมัติสินเชื่อถึงแม้ว่าลูกค้าจะเข้ามาขอซื้อกับทางบริษัทหลายรายก็ตาม เพราะมองแล้วเห็นว่ารายได้ไม่คุ้มรายจ่าย จึงทำให้ทางบริษัทฯต้องเปลี่ยนกลุ่มฐานลูกค้าใหม่
โดยหันไปเจาะตลาดข้าราชการ บริษัทห้างร้าน หรือกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว ซึ่งมีรายได้มั่นคง โดยมีรถตัวใหม่ๆแบบ 4 ตู นำเสนอ แทนจะเป็นรถตอนเดียวหรือตอนครึ่ง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นายวิทวัส กล่าวอีกว่า สำหรับครึ่งปีแรกของปี 51 ทางบริษัทสามารถจำหน่ายรถได้เดือนละประมาณ 45 คัน แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลังยอดจำหน่ายรถก็ได้ลดลงเหลือ ประมาณ 30 คัน และคาดว่าอาจจะลดลงอีก เนื่องจากเป็นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับราคายางพาราและปาล์มน้ำมันตก ถึงแม้ว่าครึ่งปีหลังยังเหลือเวลาอีก 2 เดือน ก็ไม่ได้วางเป้าว่าจะทำให้ยอดการจำหน่ายทะลุเป้าแต่อย่างใดเพราะเข้าใจในยุคเศรษฐกิจขาลง ลูกค้าส่วนใหญ่จะออมเงินไว้ใช้เท่าที่จำเป็น
ส่วนในปีหน้านั้นก็คงจะเป็นเหมือนกับช่วงปลายปีนี้ แต่ก็จะรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ และจะเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ข้างต้นและว่ามิตซูบิชิ ก็ยังมีส่วนแบ่งลูกค้าจากรถค่ายอื่นๆ ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ ยังครองตลาดเป็นอันดับ 3 ของจังหวัดกระบี่