ยะลา – ชาวสวนยาง จ.ยะลา ได้รับความเดือดร้อนหนักหลังราคายางตำต่ำต่อเนื่อง วอนรัฐบาลหันมาแก้ปัญหาด่วน
จากการที่ราคายางดิ่งลงกว่าเท่าตัว ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ชาวสวนยางในจังหวัดยะลา และภาคใต้ ต่างเดือดร้อนด้านรายได้ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้สูงขึ้นเมื่อเดือนก่อน ปัจจุบันถึงแม้ว่าราคาน้ำมันได้ลดลง แต่ราคาเครื่องอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันดังกล่าว ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ในขณะที่ราคายางพารา ที่เป็นรายได้หลักของชาวภาคใต้ได้ลดลงกว่าเท่าตัว สร้างความเดือดร้อน ค่าครองชีพไม่พอจ่ายเป็นอย่างมาก
นางอุบล เพชรเชิงเขา อยู่บ้านเลขที่ 33 บ้านสาเมาะ หมู่ที่ 4 ต.ท่าธง เป็นผู้รับซื้อน้ำยางและขี้ยางรายย่อยใน ต.ท่าธง กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในแต่ละวันจะมีชาวสวนยางนำน้ำยางมาขาย ณ จุดรับซื้อ ไม่น้อยกว่า 3,000 กิโลกรัม ปัจจุบันหลังจากราคายางลดลงกว่าเท่าตัว ทำให้ชาวสวน หมดกำลังใจ และน้อยใจ ที่ราคายางดิ่งลง แต่รัฐบาลไม่ให้การช่วยเหลือ ทำให้ผลิตน้ำยางลดลงไปกว่าครึ่ง เหลือวันละ 1,000 กว่ากิโลเท่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลหันมาดูแลให้การช่วยเหลือชาวสวนยางโดยด่วนด้วย
ด้าน นายวิสิทธิ์ สุทธิโพธิ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ท่าธง อ.รามัน กล่าวว่า หลังจากราคายางตกดิ่งลงมาอย่างไม่เป็นท่ากว่าครึ่ง สร้างความเดือนร้อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ค่าครองอุปโภคบริโภค ได้ถีบตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ผ่านมา ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพในแต่ละวันต้องใช้จ่ายอยู่เหมือนเดิม แต่รายได้หลัก จากค่ายางพาราต้องลดหายไปกว่าครึ่ง
จึงขอให้รัฐบาลได้หันมาดูแลชาวสวนยางบ้าง ไม่ใช้ว่าจะไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับภาคเหนือ ภาคอีสานเท่านั้น ซึ่งทางภาคเหนือ ภาคอีสาน เมื่อมีการทำนา ราคาข้าวไม่ดี ทางรัฐบาลจะเข้าไปประกันราคาให้ทันที แต่มาภาคใต้ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนยางพารา เมื่อมีปัญหาราคาตกต่ำ รัฐบาลกลับไม่ได้มาช่วยแก้ไขให้
“เชื่อว่า สาเหตุหลักที่ราคายางตกต่ำลงมาอย่างนี้ เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้มาให้การช่วยเหลืออย่างจริงจัง หากรัฐบาลมาสนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น เชื่อว่าราคาคงจะไม่ดิ่งลงถึงขนาดนี้แน่นอน ขอให้รัฐบาลอย่ามองว่าชาวสวนยางในภาคใต้เป็นชนกลุ่มน้อย ขอให้ถือว่าชาวภาคใต้ก็เป็นประชากรของประเทศไทยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มี ส.ส.มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลก็ตาม”
จากการที่ราคายางดิ่งลงกว่าเท่าตัว ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ชาวสวนยางในจังหวัดยะลา และภาคใต้ ต่างเดือดร้อนด้านรายได้ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้สูงขึ้นเมื่อเดือนก่อน ปัจจุบันถึงแม้ว่าราคาน้ำมันได้ลดลง แต่ราคาเครื่องอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันดังกล่าว ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ในขณะที่ราคายางพารา ที่เป็นรายได้หลักของชาวภาคใต้ได้ลดลงกว่าเท่าตัว สร้างความเดือดร้อน ค่าครองชีพไม่พอจ่ายเป็นอย่างมาก
นางอุบล เพชรเชิงเขา อยู่บ้านเลขที่ 33 บ้านสาเมาะ หมู่ที่ 4 ต.ท่าธง เป็นผู้รับซื้อน้ำยางและขี้ยางรายย่อยใน ต.ท่าธง กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในแต่ละวันจะมีชาวสวนยางนำน้ำยางมาขาย ณ จุดรับซื้อ ไม่น้อยกว่า 3,000 กิโลกรัม ปัจจุบันหลังจากราคายางลดลงกว่าเท่าตัว ทำให้ชาวสวน หมดกำลังใจ และน้อยใจ ที่ราคายางดิ่งลง แต่รัฐบาลไม่ให้การช่วยเหลือ ทำให้ผลิตน้ำยางลดลงไปกว่าครึ่ง เหลือวันละ 1,000 กว่ากิโลเท่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลหันมาดูแลให้การช่วยเหลือชาวสวนยางโดยด่วนด้วย
ด้าน นายวิสิทธิ์ สุทธิโพธิ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ท่าธง อ.รามัน กล่าวว่า หลังจากราคายางตกดิ่งลงมาอย่างไม่เป็นท่ากว่าครึ่ง สร้างความเดือนร้อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ค่าครองอุปโภคบริโภค ได้ถีบตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ผ่านมา ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพในแต่ละวันต้องใช้จ่ายอยู่เหมือนเดิม แต่รายได้หลัก จากค่ายางพาราต้องลดหายไปกว่าครึ่ง
จึงขอให้รัฐบาลได้หันมาดูแลชาวสวนยางบ้าง ไม่ใช้ว่าจะไปช่วยแก้ไขปัญหาให้กับภาคเหนือ ภาคอีสานเท่านั้น ซึ่งทางภาคเหนือ ภาคอีสาน เมื่อมีการทำนา ราคาข้าวไม่ดี ทางรัฐบาลจะเข้าไปประกันราคาให้ทันที แต่มาภาคใต้ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนยางพารา เมื่อมีปัญหาราคาตกต่ำ รัฐบาลกลับไม่ได้มาช่วยแก้ไขให้
“เชื่อว่า สาเหตุหลักที่ราคายางตกต่ำลงมาอย่างนี้ เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้มาให้การช่วยเหลืออย่างจริงจัง หากรัฐบาลมาสนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น เชื่อว่าราคาคงจะไม่ดิ่งลงถึงขนาดนี้แน่นอน ขอให้รัฐบาลอย่ามองว่าชาวสวนยางในภาคใต้เป็นชนกลุ่มน้อย ขอให้ถือว่าชาวภาคใต้ก็เป็นประชากรของประเทศไทยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มี ส.ส.มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลก็ตาม”
