ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สนง.พัฒนาการท่องเที่ยว ร่วมกับสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม ม.จุฬาฯ จัดรับฟังความคิดเห็นจัดทำร่างเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวเกาะ แก่ง และถ้ำ
วันนี้ (13 ต.ค) นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุม “การประชาสัมพันธ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว ประเภทน้ำตก-ชายหาด และรับฟังความคิดเห็นต่อการจัดทำร่างเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวประเภท เกาะ แก่ง และถ้ำ” ซึ่งสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ร่วมกับสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้น โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมโรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต
สำหรับการจัดประชุมในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์มาตรฐานที่ได้จัดทำแล้จำนวน 7 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพน้ำพุร้อนธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ และแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะวิทยาการ และได้นำคู่มือมาตรฐานไปตรวจประเมินแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว ประมาณ 170 แห่ง เพื่อเป็นการให้ความรู้เพิ่มเติม และฝึกปฎิบัติตามคู่มือตรวจประเมินมาตรฐานที่จัดทำขึ้นใหม่ จำนวน 2 มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติประเภทน้ำตก และประเภทชายหาด
นอกจากนี้ เพื่อขอรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับร่างเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวแระเภทเกาะ ประเภทแก่ง และประเภทถ้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำเกณฑ์ในปีงบประมาณนี้ เพื่อให้คณะผู้จัดทำโครงการจะได้นำไปใช้เป็นแนวทาง ในการแก้ไขปรับปรุงร่างเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างเหมาะสมและสัมฤทธิ์ผลสูงสุดต่อไป
น.ส.วรุณกาญจน์ ฐิติธรรมาภรณ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว 7 ว.สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กล่าวว่า ทางสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ได้เริ่มดำเนินการจัดทำเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 2548 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้มีความพยามดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องในทุกแหล่งท่องเที่ยว อันจะเป็นประโยชน์ในด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งเมื่อได้ร่างเกณฑ์มาตรฐานเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้เริ่มดำเนินการออกประเมินแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเบื้องต้นได้มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ยังไม่มีการออกใบรับรอง เนื่องจากจะต้องเข้ากระบวนหาผู้ที่จะมาทำการประเมินที่เป็นกลางมากที่สุด และจากที่ได้ออกทดลองประเมินพบว่า ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องของการบริหารจัดการซึ่งมักจะไม่มีการวางแผนงานล่วงหน้า รวมทั้งการไม่ได้คำนึงถึงขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่แท้จริง
สำหรับการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว ขณะนี้ดำเนินการครอบคลุมแล้วทั้งประเทศ จากนั้นก็จะได้มีการนำข้อมูลทั้งหมดไปรวบรวมสรุป เพื่อจัดทำเป็นร่างที่สมบูรณ์ต่อไป
วันนี้ (13 ต.ค) นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุม “การประชาสัมพันธ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว ประเภทน้ำตก-ชายหาด และรับฟังความคิดเห็นต่อการจัดทำร่างเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวประเภท เกาะ แก่ง และถ้ำ” ซึ่งสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ร่วมกับสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้น โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมโรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต
สำหรับการจัดประชุมในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์มาตรฐานที่ได้จัดทำแล้จำนวน 7 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพน้ำพุร้อนธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ และแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะวิทยาการ และได้นำคู่มือมาตรฐานไปตรวจประเมินแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว ประมาณ 170 แห่ง เพื่อเป็นการให้ความรู้เพิ่มเติม และฝึกปฎิบัติตามคู่มือตรวจประเมินมาตรฐานที่จัดทำขึ้นใหม่ จำนวน 2 มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติประเภทน้ำตก และประเภทชายหาด
นอกจากนี้ เพื่อขอรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับร่างเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวแระเภทเกาะ ประเภทแก่ง และประเภทถ้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำเกณฑ์ในปีงบประมาณนี้ เพื่อให้คณะผู้จัดทำโครงการจะได้นำไปใช้เป็นแนวทาง ในการแก้ไขปรับปรุงร่างเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างเหมาะสมและสัมฤทธิ์ผลสูงสุดต่อไป
น.ส.วรุณกาญจน์ ฐิติธรรมาภรณ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว 7 ว.สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กล่าวว่า ทางสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ได้เริ่มดำเนินการจัดทำเกณฑ์มาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 2548 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้มีความพยามดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องในทุกแหล่งท่องเที่ยว อันจะเป็นประโยชน์ในด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งเมื่อได้ร่างเกณฑ์มาตรฐานเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้เริ่มดำเนินการออกประเมินแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเบื้องต้นได้มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ยังไม่มีการออกใบรับรอง เนื่องจากจะต้องเข้ากระบวนหาผู้ที่จะมาทำการประเมินที่เป็นกลางมากที่สุด และจากที่ได้ออกทดลองประเมินพบว่า ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องของการบริหารจัดการซึ่งมักจะไม่มีการวางแผนงานล่วงหน้า รวมทั้งการไม่ได้คำนึงถึงขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่แท้จริง
สำหรับการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว ขณะนี้ดำเนินการครอบคลุมแล้วทั้งประเทศ จากนั้นก็จะได้มีการนำข้อมูลทั้งหมดไปรวบรวมสรุป เพื่อจัดทำเป็นร่างที่สมบูรณ์ต่อไป
