นครศรีธรรมราช - “เทพไท” ย้อน “แก๊งสามเกลอหัวกลวง” สร้างความเท็จรายวัน มัวแสดงจำอวดกลับบ้านยังไม่กล้า ยกข้อมูลเซ็นตั้งบริษัทยางพารา 3 ประเทศตอกหน้า-ถามสงสัยยางราคาดีทักษิณไปบริหารอินโดฯ-มาเลย์ด้วย
ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ (29 ก.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกระแสการขับไล่นายกรัฐมนตรี และ ครม.ในช่วงเวลาที่เดินทางไปต่างจังหวัดว่า ขณะนี้น่าเป็นห่วงมากเพราะสถานการณ์มันลุกลามไปทั่วประเทศ เกิดความแตกแยก เกินกว่าคำว่าสมานฉันท์ คนที่ควรเป็นคนดับชนวน คือ รัฐบาลถ้าไม่ให้ความร่วมมือ จะไปหวังจากภาคส่วนอื่นๆ ได้ยาก ท่ามกลางความขัดแย้งทั่วประเทศ นายกฯ กลับบ้านถูกไล่ ไปธรรมศาสตร์ถูกไล่ ไปหาเสียงให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ให้นายประภัสร์ ถูกไล่ แม้แต่ พล.ต.อ.โกวิท มท.1 ถูกไล่ ขยายวงไปยังต่างจังหวัด ล่าสุดกลุ่ม นปก.ไปปิดล้อมสถานีวิทยุชุมชนในเชียงใหม่ มีการทำร้ายกัน สุดท้ายแล้วน่าห่วงว่าจะกลายเป็นลัทธิเอาอย่างมากยิ่งขึ้น
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ชนวนที่สำคัญ คือ รายการความเท็จวันนี้ ที่มีชื่อเรียกว่าความจริงวันนี้ ในช่องเอ็นบีที หรือช่อง 11 ออกมาใส่ร้ายให้ร้ายเพียงฝ่ายเดียวด้วยสำนวนโวหาร พิธีกรทั้ง 3 คน เห็นล่าสุดนั้นออกมาบิดเบือนเรื่องยางพาราอ้างว่ายางราคาดีเป็นเพราะทักษิณ
“ข้อเท็จจริงที่ขอบอกให้ทั้งสามเกลอหัวกลวงว่าให้ไปศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ไม่ใช่เก่งแค่เอาความเท็จมาพูด การเซ็นสัญญา 3 ฝ่ายของ 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย นั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2542 ผู้ที่ลงนามในฝ่ายไทย คือ นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรในขณะนั้นเป็นตัวแทนของประเทศไทย ข้อสัญญาที่สำคัญที่ระบุไว้ คือ ราคายางพาราของทั้ง 3 ประเทศต้องมีราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 1 เหรียญสหรัฐ เป็นจุดเริ่มที่ทำให้ยางราคาดี และยิ่งจีนเข้ามาเป็นสมาชิก WTO เปิดประเทศมีอุตสากรรมมากขึ้นปริมาณการใช้ยางพารายิ่งมากขึ้นตามลำดับ ราคายางจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าทักษิณทำให้ยางราคาแพง เหตุใดมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ราคายางอยู่ในระดับเดียวกัน หรือทักษิณไปบริหารประเทศเหล่านี้ด้วย และวันที่ยางราคาตกเหตุใดมาเลเซีย อินโดนีเซีย ยางถึงราคาตกด้วย เป็นความชั่วร้ายที่คนเหล่านี้บิดเบือนใส่ร้าย โดยไร้ซึ่งความจริงเลย” นายเทพไทกล่าว
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ในทำนองเดียวกันที่แก๊งสามเกลอหัวกลวง พยายามบิดเบือน ใส่ร้ายบุคคลอื่นๆ เช่น นายจรัญ ภักดีธนากุล คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป้าหมายของแก๊งนี้คือให้ร้ายบิดเบือน เพื่อกำจัดผู้ที่ตัวเองเห็นว่าเป็นศัตรูโดยตลอด โดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้อง และในส่วนตัวของตนนั้นยังมาพาดพิงว่าคนนครศรีธรรมราช เลือกมาได้อย่างไร ตนขอบอกว่าที่เขาเลือกมา เพราะต้องการให้เข้าไปตรวจสอบฝ่ายรัฐบาล
“สามเกลอหัวกลวง มัวแต่ไปแสดงจำอวด ถ้าเก่งจริงแล้วเหตุใดจึงไม่ลงสมัครเลือกตั้งในบ้านเกิดของตัวเองให้คนนครฯ เลือก บางคนเห็นลง 3 ครั้งแล้วเขาไม่เคยเลือก บางคนไม่กล้าลงสมัครในพื้นที่ต้องไปอาศัยใบบุญพรรคลงในระบบสัดส่วนพื้นที่อื่น น่าจะพิจารณาสำรวจตัวเองว่าที่อ้างว่าเป็นคนใต้นั้นเป็นจริงหรือไม่ แล้วต้องถามตัวเองต่อว่าเหตุใดคนใต้จึงไม่เอาทั้งสามเกลอ”
นายเทพไท กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลปล่อยให้รายการนี้ออกอากาศต่อไปได้ ถือว่าเป็นการคงชนวนความขัดแย้ง เหมือนกับเหตุการณ์ 6 ต.ค.ที่มีวิทยุยานเกราะสร้างความแตกแยกให้ประชาชนฆ่ากัน ขณะที่ นายสมชาย บอกว่าต้องการสร้างสมานฉันท์แต่กลับปล่อยให้สมุนออกมาสร้างความเท็จให้แตกแยกรายวัน ถือว่าเป็นพฤติการณ์ปากว่าตาขยิบหรือไม่ นายสมชายควรไปสำรวจดูรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร ที่ล่มสลายเพราะอะไร อย่างน้อยที่สุดเพราะรัฐบาลสมัครใช้แก๊งนี้ออกมาตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ถ้านายสมชายใช้แนวทางนี้เป็นกระบอกเสียงถือว่าความสมานฉันท์ล้มเหลว ไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้
ที่ จ.นครศรีธรรมราช วันนี้ (29 ก.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกระแสการขับไล่นายกรัฐมนตรี และ ครม.ในช่วงเวลาที่เดินทางไปต่างจังหวัดว่า ขณะนี้น่าเป็นห่วงมากเพราะสถานการณ์มันลุกลามไปทั่วประเทศ เกิดความแตกแยก เกินกว่าคำว่าสมานฉันท์ คนที่ควรเป็นคนดับชนวน คือ รัฐบาลถ้าไม่ให้ความร่วมมือ จะไปหวังจากภาคส่วนอื่นๆ ได้ยาก ท่ามกลางความขัดแย้งทั่วประเทศ นายกฯ กลับบ้านถูกไล่ ไปธรรมศาสตร์ถูกไล่ ไปหาเสียงให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ให้นายประภัสร์ ถูกไล่ แม้แต่ พล.ต.อ.โกวิท มท.1 ถูกไล่ ขยายวงไปยังต่างจังหวัด ล่าสุดกลุ่ม นปก.ไปปิดล้อมสถานีวิทยุชุมชนในเชียงใหม่ มีการทำร้ายกัน สุดท้ายแล้วน่าห่วงว่าจะกลายเป็นลัทธิเอาอย่างมากยิ่งขึ้น
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ชนวนที่สำคัญ คือ รายการความเท็จวันนี้ ที่มีชื่อเรียกว่าความจริงวันนี้ ในช่องเอ็นบีที หรือช่อง 11 ออกมาใส่ร้ายให้ร้ายเพียงฝ่ายเดียวด้วยสำนวนโวหาร พิธีกรทั้ง 3 คน เห็นล่าสุดนั้นออกมาบิดเบือนเรื่องยางพาราอ้างว่ายางราคาดีเป็นเพราะทักษิณ
“ข้อเท็จจริงที่ขอบอกให้ทั้งสามเกลอหัวกลวงว่าให้ไปศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ไม่ใช่เก่งแค่เอาความเท็จมาพูด การเซ็นสัญญา 3 ฝ่ายของ 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย นั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2542 ผู้ที่ลงนามในฝ่ายไทย คือ นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรในขณะนั้นเป็นตัวแทนของประเทศไทย ข้อสัญญาที่สำคัญที่ระบุไว้ คือ ราคายางพาราของทั้ง 3 ประเทศต้องมีราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 1 เหรียญสหรัฐ เป็นจุดเริ่มที่ทำให้ยางราคาดี และยิ่งจีนเข้ามาเป็นสมาชิก WTO เปิดประเทศมีอุตสากรรมมากขึ้นปริมาณการใช้ยางพารายิ่งมากขึ้นตามลำดับ ราคายางจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าทักษิณทำให้ยางราคาแพง เหตุใดมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ราคายางอยู่ในระดับเดียวกัน หรือทักษิณไปบริหารประเทศเหล่านี้ด้วย และวันที่ยางราคาตกเหตุใดมาเลเซีย อินโดนีเซีย ยางถึงราคาตกด้วย เป็นความชั่วร้ายที่คนเหล่านี้บิดเบือนใส่ร้าย โดยไร้ซึ่งความจริงเลย” นายเทพไทกล่าว
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ในทำนองเดียวกันที่แก๊งสามเกลอหัวกลวง พยายามบิดเบือน ใส่ร้ายบุคคลอื่นๆ เช่น นายจรัญ ภักดีธนากุล คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป้าหมายของแก๊งนี้คือให้ร้ายบิดเบือน เพื่อกำจัดผู้ที่ตัวเองเห็นว่าเป็นศัตรูโดยตลอด โดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้อง และในส่วนตัวของตนนั้นยังมาพาดพิงว่าคนนครศรีธรรมราช เลือกมาได้อย่างไร ตนขอบอกว่าที่เขาเลือกมา เพราะต้องการให้เข้าไปตรวจสอบฝ่ายรัฐบาล
“สามเกลอหัวกลวง มัวแต่ไปแสดงจำอวด ถ้าเก่งจริงแล้วเหตุใดจึงไม่ลงสมัครเลือกตั้งในบ้านเกิดของตัวเองให้คนนครฯ เลือก บางคนเห็นลง 3 ครั้งแล้วเขาไม่เคยเลือก บางคนไม่กล้าลงสมัครในพื้นที่ต้องไปอาศัยใบบุญพรรคลงในระบบสัดส่วนพื้นที่อื่น น่าจะพิจารณาสำรวจตัวเองว่าที่อ้างว่าเป็นคนใต้นั้นเป็นจริงหรือไม่ แล้วต้องถามตัวเองต่อว่าเหตุใดคนใต้จึงไม่เอาทั้งสามเกลอ”
นายเทพไท กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลปล่อยให้รายการนี้ออกอากาศต่อไปได้ ถือว่าเป็นการคงชนวนความขัดแย้ง เหมือนกับเหตุการณ์ 6 ต.ค.ที่มีวิทยุยานเกราะสร้างความแตกแยกให้ประชาชนฆ่ากัน ขณะที่ นายสมชาย บอกว่าต้องการสร้างสมานฉันท์แต่กลับปล่อยให้สมุนออกมาสร้างความเท็จให้แตกแยกรายวัน ถือว่าเป็นพฤติการณ์ปากว่าตาขยิบหรือไม่ นายสมชายควรไปสำรวจดูรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร ที่ล่มสลายเพราะอะไร อย่างน้อยที่สุดเพราะรัฐบาลสมัครใช้แก๊งนี้ออกมาตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ถ้านายสมชายใช้แนวทางนี้เป็นกระบอกเสียงถือว่าความสมานฉันท์ล้มเหลว ไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้
