สตูล - ‘สดศรี’ ยันประชามติไม่ใช้วิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งบ้านเมือง พร้อมเสนอแนวคิดทั้ง 2 ฝ่ายหันหน้าเจรจาหาจุดกึ่งกลางให้เจอ ขณะที่รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้นักศึกษาร่วมชุมนุมได้ไม่ผิดแต่ไม่เห็นด้วยหากจะขาดสอบ
วันนี้ (8 ก.ย.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวขณะเดินทางร่วมงานโครงการ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพรรคการเมืองกับการเลือกตั้งที่ จ.สตูลว่า การทำประชามติเพื่อตัดสินว่าประชาชนจะเลือกรัฐบาลหรือพันธมิตรฯ นั้นจะต้องใช้เงินในการทำถึง 2,000 ล้านบาท และจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้กับประชาชนด้วยว่าทำไปแล้วประชาชนจะได้อะไร ซึ่งรัฐบาลจะต้องพิจารณาในเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกันหากทำไปแล้วยังมีความแตกแยกเหมือนเดิมก็ไม่มีประโยชน์อะไร
พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าระยะเวลาประมาณ 90 วันรวมทั้งการทำความเข้าใจกับประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 บัญญัติว่า กกต.จะทำประชามติไม่ได้จนกว่าจะพ้น 90 วันไปแล้ว ดูไปแล้วระยะเวลาค่อนข้างยาวถึง 6 เดือนอย่างที่ กกต.บางท่านได้บอกไว้แล้ว
สำหรับปัญหาที่กำลังประสบในขณะนี้พบว่าการทำประชามติไม่ทันเวลา จุดที่จะต้องทำในขณะนี้คือการเจรจากันมากกว่า เพื่อหาจุดกึ่งกลางซึ่งรัฐบาลและพันธมิตรต้องช่วยกันหาจุดกึ่งกลางกันให้ได้ก่อนว่าจะยุติกันในจุดไหนได้ และรับกันได้หรือไม่ในการเจรจากันทั้ง 2 ฝ่าย
ด้าน ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวขณะเดินทางมาเป็นวิทยากรในงานนี้ถึงปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองขณะนี้ว่า แนวทางแก้ปัญหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นมา อีกส่วนคือทางออกทางการเมืองว่าจะยุบสภา หรือจะลาออก พร้อมเห็นว่าเรื่องที่ควรมีการเจรจากันคือทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่านี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าตรู่ 2 ก.ย.2551 เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก รวมทั้งนักศึกษา 2 คนจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ถูกยิงเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อาจถึงขั้นนองเลือดได้ ขณะนี้หาทางป้องกันได้หากมาพูดคุยกัน ทางการเมืองเป็นอีกหนึ่งเรื่องว่าจะยุบสภาหรือจะลาออก การปฎิรูปการเมืองใหม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เบื้องต้นจะเรียกร้องให้หาทางออกโดยไม่ให้เกิดเรื่อง ในเรื่องนี้รัฐบาลกับพันธมิตรจะมองเป็นฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ต้องช่วยกันไม่ให้เกิดความรุนแรง หากมาเจรจากันถอนฟ้องข้อหากบฏได้หรือไม่ เพราะข้อหาอื่นๆ ก็รุนแรงอยู่แล้ว เมื่อเริ่มต้นอย่างนี้อาจจะเจรจาต่อว่าชุมนุมที่อื่นได้มั้ยก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นไม่ให้เกิดความรุนแรง
พร้อมกันนี้ยังเห็นว่านักศึกษาที่มีแนวคิดจะหยุดสอบถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ หากจะหยุดเรียนก็ถือว่าต้องรับผิดชอบตัวเอง แต่หากจะไปใช้สิทธิในการร่วมชุมนุมในเรื่องนี้สามารถทำได้แต่ขนาดขาดสอบเรื่องใหญ่เป็นอีกเรื่องหนึ่งคิดว่านักศึกษาไม่ควรทำเพราะจะเสียหายต่ออนาคตได้ พร้อมเห็นว่าระยะยาวรัฐธรรมนูญจะต้องมีการแก้ไขหรือมีการปฎิรูปเพราะเห็นว่าแก้ปัญหาไม่ได้
วันนี้ (8 ก.ย.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวขณะเดินทางร่วมงานโครงการ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพรรคการเมืองกับการเลือกตั้งที่ จ.สตูลว่า การทำประชามติเพื่อตัดสินว่าประชาชนจะเลือกรัฐบาลหรือพันธมิตรฯ นั้นจะต้องใช้เงินในการทำถึง 2,000 ล้านบาท และจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้กับประชาชนด้วยว่าทำไปแล้วประชาชนจะได้อะไร ซึ่งรัฐบาลจะต้องพิจารณาในเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกันหากทำไปแล้วยังมีความแตกแยกเหมือนเดิมก็ไม่มีประโยชน์อะไร
พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าระยะเวลาประมาณ 90 วันรวมทั้งการทำความเข้าใจกับประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 บัญญัติว่า กกต.จะทำประชามติไม่ได้จนกว่าจะพ้น 90 วันไปแล้ว ดูไปแล้วระยะเวลาค่อนข้างยาวถึง 6 เดือนอย่างที่ กกต.บางท่านได้บอกไว้แล้ว
สำหรับปัญหาที่กำลังประสบในขณะนี้พบว่าการทำประชามติไม่ทันเวลา จุดที่จะต้องทำในขณะนี้คือการเจรจากันมากกว่า เพื่อหาจุดกึ่งกลางซึ่งรัฐบาลและพันธมิตรต้องช่วยกันหาจุดกึ่งกลางกันให้ได้ก่อนว่าจะยุติกันในจุดไหนได้ และรับกันได้หรือไม่ในการเจรจากันทั้ง 2 ฝ่าย
ด้าน ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวขณะเดินทางมาเป็นวิทยากรในงานนี้ถึงปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองขณะนี้ว่า แนวทางแก้ปัญหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นมา อีกส่วนคือทางออกทางการเมืองว่าจะยุบสภา หรือจะลาออก พร้อมเห็นว่าเรื่องที่ควรมีการเจรจากันคือทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่านี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าตรู่ 2 ก.ย.2551 เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก รวมทั้งนักศึกษา 2 คนจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ถูกยิงเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อาจถึงขั้นนองเลือดได้ ขณะนี้หาทางป้องกันได้หากมาพูดคุยกัน ทางการเมืองเป็นอีกหนึ่งเรื่องว่าจะยุบสภาหรือจะลาออก การปฎิรูปการเมืองใหม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เบื้องต้นจะเรียกร้องให้หาทางออกโดยไม่ให้เกิดเรื่อง ในเรื่องนี้รัฐบาลกับพันธมิตรจะมองเป็นฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ต้องช่วยกันไม่ให้เกิดความรุนแรง หากมาเจรจากันถอนฟ้องข้อหากบฏได้หรือไม่ เพราะข้อหาอื่นๆ ก็รุนแรงอยู่แล้ว เมื่อเริ่มต้นอย่างนี้อาจจะเจรจาต่อว่าชุมนุมที่อื่นได้มั้ยก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นไม่ให้เกิดความรุนแรง
พร้อมกันนี้ยังเห็นว่านักศึกษาที่มีแนวคิดจะหยุดสอบถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ หากจะหยุดเรียนก็ถือว่าต้องรับผิดชอบตัวเอง แต่หากจะไปใช้สิทธิในการร่วมชุมนุมในเรื่องนี้สามารถทำได้แต่ขนาดขาดสอบเรื่องใหญ่เป็นอีกเรื่องหนึ่งคิดว่านักศึกษาไม่ควรทำเพราะจะเสียหายต่ออนาคตได้ พร้อมเห็นว่าระยะยาวรัฐธรรมนูญจะต้องมีการแก้ไขหรือมีการปฎิรูปเพราะเห็นว่าแก้ปัญหาไม่ได้
